fbpx
Skip to content Skip to sidebar Skip to footer

ฮาวาย ผ่อนคลายกฏระเบียบ หวังดึงดูดบริษัทคริปโตฯให้เข้ามาลงทุนมากขึ้น

เมื่อวันที่ 17 มีนาคมที่ผ่านมา สำนักงานผู้ว่าการรัฐฮาวาย ประกาศเปิดตัว ‘Digital Currency Innovation Lab’ ซึ่งเป็นศูนย์พัฒนาด้านบล็อกเชนและคริปโตเคอเรนซี่ ที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่างหน่วยงานของรัฐ ได้แก่ กระทรวงพาณิชย์ กรมสถาบันทางการเงิน (DFI) และบริษัท Hawaii Technology Development Corporation (HTDC)

โดยโปรเจกต์นี้จะมีการดำเนินการโครงการเป็นระยะเวลา 2 ปี และระหว่างช่วงระยะเวลาที่ดำเนินโครงการนำร่องนั้น รัฐจะอนุญาตให้ผู้ที่ต้องการออกสกุลเงินดิจิทัลสามารถทำธุรกิจในฮาวายได้โดยไม่ต้องขอใบอนุญาต ซึ่งโครงการดังกล่าวนั้นมีเป้าหมายที่รวบรวมข้อมูลเชิงลึกของสกุลเงินดิจิทัล เพื่อใช้เป็นแนวทางในการออกกฎหมายและข้อกำหนดของสกุลเงินดิจิทัลในฮาวายต่อไปในอนาคต

ทางด้านนาง Iris Ikeda ผู้ว่าการสถาบันการเงินของรัฐฮาวายได้เน้นย้ำว่า บริษัทต่าง ๆ ที่เข้าร่วมดำเนินงานภายใต้โครงการนี้จะถูกคุ้มครองตามกฏหมาย แม้ว่าโดยปรกติแล้วการสร้างเงินดิจิทัลที่ไม่ได้รับอนุญาตจะถือเป็นความผิดก็ตาม

ซึ่งนาง Ikeda กล่าวว่า “DFI ใช้ประโยชน์จากอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายในการจัดหาวิธีการใหม่ ๆ เพื่อชักชวนให้บริษัทผู้ออกสกุลเงินดิจิทัลเข้ามาเริ่มทำการในรัฐฮาวายไปพร้อม ๆ กับดูแลความปลอดภัยให้ผู้ใช้อย่างเต็มที่ และการยอมรับสกุลเงินดิจิทัลเหล่านี้ว่าเป็นตัวเปลี่ยนผ่านไปสู่อนาคต จะช่วยให้พวกเราจะสามารถออกกฎหมายที่เอื้อต่อการพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลในรัฐฮาวายได้”

Len Higashi กรรมการผู้จัดการ ของ HTDC แสดงให้เห็นถึงความหวังของเขาว่า โครงการนี้จะช่วยให้รัฐฮาวายก้าวขึ้นมายืนอยู่ในระดับแนวหน้าของเทคโนโลยีทางการเงิน และช่วยให้สามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่มาพร้อมกับการเป็นผู้นำได้

โดยบริษัทที่มีความสนใจโครงการดังกล่าว สามารถเข้าร่วมได้ถึงวันที่ 1 พฤษภาคม 2020 นี้ และจะต้องชำระค่าธรรมเนียมการสมัคร 500ดอลลาร์ และ 1,000 ดอลลาร์ในการต่ออายุในแต่ละวาระ

แม้จะมีการผ่อนคลายกฎระเบียบ แต่อนาคตของคริปโตฯในฮาวายยังไม่แน่นอน

ก่อนหน้านี้ในปี 2017 ทางฮาวายได้บังคับใช้กฎ Double-Reserve Requirement ที่กำหนดให้บริษัทที่ดำเนินงานเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลต้องมียอดเงินที่ออกโดยรัฐเก็บไว้เท่ากับจำนวนเหรียญที่ลูกค้าถืออยู่

แม้ว่ากฎหมายนี้จะไม่ได้ห้ามให้บริษัทคริปโตฯต่าง ๆ ให้ดำเนินกิจการในรัฐ แต่กฎระเบียบที่เข้มงวดนั้นได้ผลักไสให้บริษัทเหล่านั้นเลือกใช้ประเทศหรือรัฐอื่น ๆ ในการเป็นที่ตั้งการดำเนินงาน รวมถึงเว็บเทรดชั้นนำของสหรัฐฯอย่าง Coinbase อีกด้วย

บริษัท HTDC ออกมาตั้งข้อสังเกตว่ากฎเกณฑ์ใหม่นี้ได้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อผ่อนคลายความเข้มงวดของกฎ Double-Reserve Requirement แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าวิสัยทัศน์ด้านบล็อกเชนและคริปโตฯของฮาวายนั้นเป็นอย่างไรหลังจากโครงการใหม่นี้เสร็จสิ้นลง

และยังให้ข้อมูลอีกว่า หลังจากโครงการดังกล่าวเสร็จสิ้น บริษัทผู้เข้าร่วมจะหยุดให้บริการสกุลเงินดิจิทัลทั้งหมด ยกเว้นว่าจะได้การยกเว้นและได้รับการอนุมัติเป็นพิเศษจาก DFI เพื่อพิจารณาใบอนุญาตที่เหมาะสมสำหรับบริษัทในการดำเนินงานต่อไป

ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง: ธนาคารกลางสวีเดน เล็งเปิด “Innovation Hub” มุ่งเน้นพัฒนาเงินดิจิทัล

Leave a comment

เกี่ยวกับ NewsFirstLine

สื่อชั้นนำด้านบล็อกเชนและคริปโตในภูมิภาคเอเชีย นำเสนอข่าวสารด้านเทคโนโลยีและการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลอย่างรอบด้านและเจาะลึก ครอบคลุมทั้งภูมิภาคเอเชียเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะสิงคโปร์และประเทศไทย

สมัครรับข่าวสารจาก SCN