Marion Laboure นักเศรษฐศาสตร์ประจำธนาคารยักษ์ใหญ่ของเยอรมันอย่าง ดอยทช์แบงก์ ได้ชี้ให้เห็นว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19ทั่วโลก ณ ขณะนี้ เป็นการเร่งให้ธนาคารกลางต่าง ๆ หันมาสนับสนุนและเร่งสร้างสกุลเงินดิจิทัลของตัวเอง (CBDC)
จากทวีตของดอยทช์แบงก์ อ้างอิงคำกล่าวของนาง Laboure ว่า การใช้เงินสดจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการรับเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้หลายภาคส่วนกำลังเร่งพิจารณาการปรับไปใช้เงินดิจิทัลเพื่อแก้ไขปัญหานี้
จีน เป็นประเทศแรกของโลกที่มีแพร่ระบาดของไวรัสนี้ โดยทางการได้จำกัดการใช้เงินสดเพื่อลดการแพร่กระจายของไวรัสตั้งแต่ช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ ขณะเดียวกันมีบทวิจัย ซึ่งเผยแพร่ในปี 2008 ว่าเชื้อไข้หวัดใหญ่สามารถตกค้างอยู่บนธนบัตรได้นานถึง 17 วันเลยทีเดียว
นาง Laboure ยังกล่าวด้วยว่า ขณะนี้ รัฐบาลทั่วโลกกำลังมองว่าการใช้เงินสดเป็นความเสี่ยงในการกระจายไวรัส นี่จึงเป็นโอกาสดีในการเปลี่ยนมาใช้เงินในรูปแบบของดิจิทัลแทน ขณะที่ดอยทช์แบงก์ยังได้ทำการทวีตอีกว่า “โลกกำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบหนึ่งร้อยปี มันคงถึงเวลาแล้วที่จะต้องเริ่มเปลี่ยนแปลงบางอย่าง และนี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนมาใช้เงินสกุลดิจิทัลในที่สุด”
มีอีกหนึ่งงานวิจัยที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 19 มีนาคม ซึ่งนาง Laboure เป็นผู้ร่วมวิจัยกับเหล่าผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด มีใจความว่า
“ในขณะที่รัฐบาลจีนมีความพยายามอย่างเต็มที่ในการสกัดกั้นการระบาด รวมไปถึงการทำลายธนบัตรที่อาจปนเปื้อนไวรัสโควิด-19 แต่ชาติตะวันตกยังไม่ได้มีมาตรการอะไรที่จริงจังมาหยุดยั้งการแพร่ระบาดมากนัก นั่นรวมไปถึงการเปลี่ยนมาใช้วิธีการชำระเงินด้วยระบบดิจิทัลด้วย”
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้มีงานวิจัยของดอยทช์แบงก์ที่ออกมาในปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา ชี้ให้เห็นว่า การใช้เงินสดจะยังมีต่อไปแม้จะมีความนิยมที่ลดลงจากทางเลือกในการชำระเงินรูปแบบใหม่ ๆ ที่กำลังเข้ามา และเงินดิจิทัลจะยังไม่สามารถแทนที่การใช้เงินสดได้อย่างเบ็ดเสร็จในเร็ว ๆ นี้
ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง : BIS ผลักดันให้เหล่าธนาคารกลางออกเงินดิจิทัลแห่งชาติ แก้ปัญหาช่วงไวรัสโควิดระบาด
