Tether หรือ USDT ถือเป็นเหรียญ Stablecoin ที่มีมูลค่าตลาด (Market Cap) ใหญ่ที่สุดในโลก มูลค่าปัจจุบันมากกว่า 9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาน 280,000 ล้านบาท โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้ Tether ก็ได้ตอกย้ำอีกหนึ่งความสำเร็จโดยได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของ Compound เหรียญ DeFi ที่ฮิตที่สุดในเวลานี้ และมีจำนวนซัพพลายบนโปรโตคอลทะลุ 200 ล้านดอลลาร์ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เว็บไซต์ NewsFirstLine ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ Paolo Ardonio ซีทีโอของ Tether และ Bitfinex ถึงอนาคตของ USDT ในสภาวะการแข่งขันที่รุนแรงจากทั้งเหรียญ Stablecoin อื่น ๆ และกระแสเงินดิจิทัลแห่งชาติที่หลายประเทศกำลังเร่งพัฒนาอยู่ ณ ขณะนี้ มาดูกันว่า Tether จะมีมาตรการรับมือและการพัฒนาใหม่ ๆ อย่างไรเพื่อต่อกรกับสภาพเศรษฐกิจที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป
SCN: ในความเห็นของคุณ เงินดิจิทัลแห่งชาติหรือเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง (CBDCs) จะส่งผลกระทบอย่างไรต่อ Tether?
Ardoino: เงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง (CBDCs) ไม่น่ามีผลกระทบต่อ Tether มากนัก ในทางกลับกัน มันอาจจะช่วยส่งเสริม Tether ด้วยซ้ำ เพราะความสำเร็จของ Tether ที่ธนาคารกลางอยากเลียนแบบนั้นสื่อให้เห็นว่าเหล่าธนาคารกลางและผู้มีอำนาจเล็งเห็นถึงความสำคัญและได้ทำการบ้านเกี่ยวกับเทคโนโลยีเงิน Stablecoin มามากพอสมควร
ด้วยเหตุผลนี้การออก CBDCs จะเป็นเหมือนเครื่องหมายการยอมรับจากธนาคารกลางว่าเงินดิจิทัลที่มีมูลค่าคงที่อย่าง Tether นั้นมีประโยชน์และเป็นสิ่งที่ประชาชนต้องการ
SCN: มันมีโอกาสไหมที่ธนาคารกลางของสหรัฐฯ (Fed) จะออกเงินดิจิทัลดอลลาร์? แล้วคุณกังวลหรือไม่กับการที่ดิจิทัลดอลลาร์อาจจะเข้ามามาบดบังประโยชน์ของ Tether หรือมันจะมีจุดประสงค์การใช้งานที่แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง?
Ardoino: ในปัจจุบันนี้หลายประเทศทั่วโลกต่างกำลังเร่งพัฒนาเงินดิจิทัลแห่งชาติกันอย่างเข้มข้น ไม่ว่าจะเป็นเงินดิจิทัลหยวนหรือ DCEP ของจีน ผมคงไม่แปลกใจถ้าสหรัฐฯจะเร่งผลักดันเงินดิจิทัลดอลลาร์ของตนเองออกมาในเร็ว ๆ นี้เช่นเดียวกัน
ผมไม่คิดว่าเงินดิจิทัลแห่งชาติหรือ CBDCs ต่าง ๆ จะมาบดบังความสำคัญของ Tether เพราะปัจจุบันนี้เราได้เติบโตมาอย่างแข็งแกร่ง จากมาร์เก็ตแคปที่มีมูลค่ามากกว่า 9 พันล้านดอลลาร์ ทิ้งห่างเหรียญ Stablecoin อื่น ๆ ที่เป็นคู่แข่งอย่างไม่เห็นฝุ่นในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านมูลค่าตลาด วอลุ่มการใช้งาน หรือจะเป็นจำนวนผู้ใช้ นอกจากนี้ Tether ยังมีสภาพคล่องสูง มั่นคง และปลอดภัยอีกด้วย ทั้งยังทำงานได้บนหลากหลายบล็อกเชนไม่ว่าจะเป็น Algorand, Ethereum, EOS, Liquid Network, Omni และ Tron
การออกเหรียญและโยกย้ายผ่านบล็อกเชนต่าง ๆ ได้อย่างเสรีนั้นช่วยขับเคลื่อนให้ Tether สามารถเข้าหากลุ่มเป้าหมายที่มีความแตกต่างกันออกไปได้ และทำหน้าที่เป็นเหมือนเครื่องมือเชื่อมประสานระหว่างคอมมูนิตี้ต่าง ๆ ในชุมชนคริปโตฯให้ทำงานร่วมกันและแลกเปลี่ยนกันได้อย่างอิสระ
SCN: แล้วคุณกังวลเกี่ยวกับเหรียญที่ออกโดยสถาบันการเงินต่าง ๆ อย่างเช่นเหรียญ JPM ของ JPMorgan ไหม? เพราะมันมีลักษณะการทำงานที่คล้ายกับ Tether มาก และถูกหนุนหลังด้วยเงินดอลลาร์แบบ 1:1 เหมือนกัน
Ardoino: การแข่งขันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากเหล่าสถาบันการเงินก็พยายามผลักดันตนเองให้ขึ้นมาสู่แนวหน้าของวงการนี้ แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องอะไรที่ Tether จะต้องกังวล เพราะหนึ่งในจุดแข็งของเราก็คือการที่เรามีความคล่องตัวและมุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา โดยเราตั้งเป้าว่าจะก้าวผ่านการเป็นแค่ “Stablecoin” และต่อกรกับเหรียญของสถาบันการเงินด้วยการใช้งานที่หลากหลายและการยอมรับในวงที่กว้างกว่า พร้อมทั้งเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่เราเร่งพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง
SCN: ในด้านอุตสาหกรรม E-commerce ที่เติบโตอยู่ในปัจจุบันนี้ คุณคิดว่า Stablecoin มีส่วนช่วยส่งเสริมมันมากน้อยแค่ไหน?
Ardoino: ปัจจุบันนี้ Tether ได้ถูกนำมาใช้ในการรับส่งและชำระเงินอย่างแพร่หลายอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายเงินเดือนหรือจ่ายบิลต่าง ๆ และเรายังเห็นถึงความสนใจจากคนนอกวงการคริปโตฯที่มีต่อ USDT นั้นได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยอัตราก้าวหน้า ณ ขณะนี้ คงไม่นานเกินรอที่เราจะได้เห็นเงิน Stablecoin มาเป็นส่วนหนึ่งของการซื้อขายออนไลน์หรือ E-commerce ในวงกว้าง
SCN: คุณมองอนาคตของ USDT ในอีกสามปีข้างหน้านี้เป็นอย่างไรเมื่อเทียบกับคู่แข่งอื่น ๆ อย่าง GUSD และ USDC?
Ardoino: สำหรับทิศทางในอนาคตของ USDT เราจะมุ่งเน้นไปในทางให้การสนับสนุนแก่โปรเจกต์การเงินแบบกระจายศูนย์หรือ DeFi ต่าง ๆ โดยเราหวังว่า USDT จะได้รับการยอมรับจากโปรเจกต์ DeFi มากขึ้นในปีต่อ ๆ ไปและกลายมาเป็นแหล่งเงินทุนสำรองแก่เหล่า DeFi ในที่สุด
SCN: พูดถึงโปรเจกต์ DeFi กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในปี 2020 นี้ Tether เข้าไปมีส่วนร่วมในการพัฒนาวงการนี้ได้อย่างไร?
Ardoino: การเติบโตของ DeFi จะส่งผลให้เกิดความต้องการช่องทางชำระเงินทั้งสำหรับรายย่อยและภาคธุรกิจ รวมไปถึงตัวเก็บมูลค่าที่มีความน่าเชื่อถือต่างก็เพิ่มขึ้น โดย Tether นั้นมีชื่อเสียงในการเป็น Stablecoin ที่มีความน่าเชื่อถือและมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลานาน มันจึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่โปรเจกต์ DeFi ต่าง ๆ จะเลือกใช้ Tether เพื่อตอบโจทย์ความต้องการเหล่านั้น
เราไม่เคยติดต่อไปหาโปรเจกต์ DeFi ต่าง ๆ ก่อนเลย พวกเขาต่างหากที่เลือกจะใช้ Tether เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของระบบ เราจึงกล่าวได้ว่าการนำ Tether มาใช้พัฒนาวงการ DeFi นั้นมาจากการที่พวกเขาเห็นความสำคัญและความสามารถของ Tether จริง ๆ
SCN: ในความพยายามที่จะสร้างการเข้าถึงบริการทางการเงินอย่างเท่าเทียม (Financial Inclusion) ของโปรเจกต์ DeFi ต่าง ๆ คุณคิดว่าบทบาทของ Tether ควรเป็นอย่างไร? และอะไรทำให้ Stablecoin เป็นตัวเลือกที่ดีกว่าเงินคริปโตฯอย่าง Bitcoin?
Ardoino: เงินดิจิทัลที่มีมูลค่าคงที่และมีสภาพคล่องสูงนั้นถือเป็นส่วนสำคัญในการสร้างระบบการเงินที่เปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม ซึ่ง USDT จะเป็นตัวเลือกแรก ๆ อย่างแน่นอน เพราะการที่ USDT นั้นถูกหนุนหลังด้วยเงินดอลลาร์จะช่วยให้ DeFi สามารถปรับความลดความเสี่ยงโดยจากใช้สินทรัพย์ที่มีความมั่นคงกว่าเข้ามาช่วยลดความผันผวน นี่ยังไม่รวมถึงการที่ Tether สามารถทำงานได้บนหลากหลายบล็อกเชนซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกในการรับส่งมูลค่าให้แก่ชุมชนคริปโตฯต่าง ๆ เพราะไม่ว่าคุณจะใช้ DeFi ที่ทำงานอยู่บนแพลตฟอร์มไหน Tether ก็จะช่วยให้คุณเชื่อมต่อถึงกันได้อย่างแน่นอน
ภาคธุรกิจคริปโตเคอเรนซี่ล้วนเล็งเห็นถึงศักยภาพของ Tether ในการเป็นเครื่องมือรับส่งมูลค่าที่มีต้นทุนถูก รวมถึงการชำระเงินข้ามพรหมแดนทั้งบนโลกจริงและโลกของบล็อกเชน เชื่อมต่อสอดประสานความแตกต่างของโลกดิจิทัลและโลกอนาล็อกเข้าไว้ด้วยกัน อนาคตของ Tether ดูเหมือนจะสดใสพร้อมทั้งมีนวัตกรรมใหม่ ๆ ออกมาให้เราทุกคนได้ใช้กันอย่างแน่นอน
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Tether