การร่วงลงกว่า 2,000 ดอลลาร์ของบิทคอยน์ในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมานั้นส่งผลกระทบต่อโครงสร้างราคาเป็นอย่างมากจนทำให้บิทคอยน์ยังไม่สามารถทำลายจุดสูงสุดเก่าของปีที่แล้วที่ระดับ 13,800 ดอลลาร์ได้สำเร็จ
จากอัพเดทของ Glassnode ล่าสุด โมเดลบิทคอยน์ Stock-to-Flow (S2F) Deflection ซึ่งเป็นการคำนวนสัดส่วนระหว่างราคาบิทคอยน์ ณ ปัจจุบันกับราคาตามเป้าของโมเดล S2F ได้ร่วงลงต่ำสุดในรอบ 5 เดือนไปอยู่ที่ 0.596 โดยค่า 1 หมายความว่าราคาบิทคอยน์มีมูลค่าเท่ากับราคาเป้าหมายของโมเดล S2F 100% และหากค่า Deflection ต่ำกว่า 1 แล้วย่อมหมายความว่าราคาบิทคอยน์อยู่ต่ำกว่าเป้าของ S2F นั่นเอง
จากกราฟข้างต้น หากราคาของบิทคอยน์จะเข้าเป้าของโมเดล S2F ได้แล้วนั้น ภายในต้นเดือนตุลาคม ราคาบิทคอยน์จะต้องขึ้นไปถึงระดับ 17,060 ดอลลาร์ ซึ่งถือว่ายังห่างไกลจากราคาในปัจจุบันที่ 10,500 ดอลลาร์มาก และเหลือเวลาอีกเพียงแค่สองอาทิตย์เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลราคาในอดีตเราจะพบว่า ราคาของบิทคอยน์มักจะตามหลังราคาเป้าของโมเดล S2F อยู่พักหนึ่งเสมอ ยกเว้นในช่วงจุดพีคของตลาดขาขึ้นที่ราคาบิทคอยน์จะนำหน้าและขึ้นเกินเป้า สะท้อนให้เห็นถึงสภาวะ Euphoria ในตลาดนั่นเอง
โดยราคาบิทคอยน์ขั้นต่ำที่จะต้องไปให้ถึงเป้าเพื่อรักษาความแม่นยำของโมเดล S2F นั้นจะต้องมีมูลค่าอย่างน้อย 20,000 ดอลลาร์ภายในเดือนพฤษภาคม 30,000 ดอลลาร์ภายในเดือนกันยายนของปี 2021 และต้องอยู่เหนือกว่าระดับ 50,000 ดอลลาร์ภายในเดือนมกราคมของปี 2022
อย่างไรก็ตาม ทาง PlanB ได้ทำการอัพเดทโมเดล S2F ใหม่ภายใต้ชื่อโมเดล S2FX ซึ่งขยับเป้าราคาให้สูงขึ้นไปอีก อยู่ที่ 30,000 ดอลลาร์ในเดือนพฤษภาคม 90,000 ดอลลาร์ในเดือนกันยายนปี 2021 และต้องแตะระดับ 200,000 ดอลลาร์ภายในเดือนมกราคมของปี 2022
แม้มันจะดูยากเกินจริงและหลายคนอาจคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่อย่าลืมว่าตลาดคริปโตเคอเรนซี่สามารถทำตัวไร้เหตุผลได้ทุกเมื่อ อย่างในปี 2017 ที่บิทคอยน์พึ่งจากระดับ 1,000 ดอลลาร์ไปสู่จุดสูงสุดที่ 20,000 ดอลลาร์ หรือเพิ่มขึ้นถึง 2,000% ภายในเวลา 12 เดือนเท่านั้น
และอย่าลืมพิจารณาเหตุการณ์สำคัญที่มีผลกระทบกับพื้นฐานของบิทคอยน์โดยตรงอย่างการ Halving ที่เกิดขึ้นไปแล้วในเดือนพฤษภาคมปี 2020 การที่ซัพพลายใหม่ของบิทคอยน์หดหายไปถึงครึ่งหนึ่งย่อมส่งผลต่อราคาของมันในระยะยาวอย่างแน่นอน
เมื่อพิจารณาจากโมเดล S2F Deflection ดังกล่าว เราจึงได้คำตอบว่า ราคาของบิทคอยน์จะต้องมีมูลค่าอย่างน้อย 18,000 ดอลลาร์ภายในสิ้นปี 2020 นี้ เนื่องจากราคาตามเป้าจะอยู่ที่ 30,833 ดอลลาร์ หากราคาไปไม่ถึงระดับ 18,000 จะส่งผลให้โมเดล S2F Deflection มีค่าต่ำกว่าศูนย์และหักล้างทฤษฎีของ PlanB ไปทันที
ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง: วัฏจักรเครดิตและบทบาทของสินทรัพย์ดิจิทัลในโลกยุคใหม่
