fbpx
Skip to content Skip to footer

ANT Group ปฐมบทความรุ่งเรืองของฟินเทคและสกุลเงินดิจิทัล

สัปดาห์ที่จะถึงนี้จะมีเหตุการณ์สำคัญในโลกการเงินนั่นคือการเข้าซื้อขายในตลาดหุ้นฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้ของ ANT Group บริษัทฟินเทคที่ใหญ่ที่สุดในโลกในเครือของ Alibaba ด้วยมูลค่ากว่า 34,500 ล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงที่สุดในโลกแซงหน้า Saudi Aramco เมื่อปีที่แล้ว

ANT Group เป็นเจ้าของแพลตฟอร์มชำระเงินที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดในโลกอย่าง Alipay ซึ่งมีมูลค่าธุรกรรมช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมามีมูลค่าถึง 17.6 ล้านล้านดอลลาร์ ใหญ่กว่า Visa ที่มีมูลค่า 11.3 ล้านล้านดอลลาร์ และ Mastercard ที่ 6.3 ล้านล้านดอลลาร์ โดยมีผู้ใช้งานกว่า 200 ประเทศทั่วโลก

นอกจากบริการชำระเงินยังมีธุรกิจประกันภัย ประกันชีวิตและบริการกู้ยืมเงิน โดยมีผู้ที่ใช้บริการกู้ยืมเงินภายใต้แพลตฟอร์มกว่า 500 ล้านราย จากจำนวนประชากรจีนทั้งหมด 1,400 ล้านราย

หลังไอพีโอ ANT Group จะมีมูลค่าตลาดสูงถึง 3.1337 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าโกลดแมนแซคส์ธนาคารยักษ์ใหญ่ของโลกและ ICBC ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดของจีน กลายเป็นว่าฟินเทคที่ทำงานร่วมกับธนาคารกลับมีขนาดธุรกิจใหญ่กว่าเสียอีก

หลังการไอพีโอของมดยักษ์ตัวนี้จะเป็นแรงกระเพื่อมให้ธุรกิจฟินเทคทั่วโลกขยายตัวเพราะเม็ดเงินที่ได้จากไอพีโอครั้งนี้จะนำไปสู่การลงทุนขนาดใหญ่เพื่อกระจายความยิ่งใหญ่ไปทั่วโลกซึ่งอาจรวมถึงการลงทุนในเรื่องสกุลเงินดิจิทัลด้วย

ล่าสุดรัฐบาลจีนได้เริ่มทดลองให้ประชาชนเริ่มใช้จ่ายด้วยสกุลเงินหยวนดิจิทัลแล้วและการที่ Alipay เป็นแพลตฟอร์มชำระเงินที่มีผู้ใช้งานจำนวนหลายร้อยรายในประเทศจีน หนีไม่พ้นที่จะต้องเกี่ยวข้องกับหยวนดิจิทัลไม่วันใดก็วันหนึ่งอย่างแน่นอน

แม้บิทคอยน์ยังเป็นสิ่งต้องห้ามในจีน แต่ ANT Groupมีสิทธิที่จะให้บริการชำระเงินหรือซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลนอกประเทศจีนได้เช่นกันซึ่งจำนวนผู้ใช้งานมีมากกว่า Paypal ที่เพิ่งเปิดซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลได้ไม่นาน

หากเป็นเช่นนั้นจริง สกุลเงินดิจิทัลน่าจะเข้าสู่สเตจของ Mass Adoption ได้อย่างรวดเร็วจะถือเป็นปฐมบทของความรุ่งเรืองเลยก็ว่าได้

ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง : ทำไม “ธนาคาร” ถึงต้องวิ่งเข้าหาสกุลเงินดิจิทัล

วิเคราะห์กราฟเทคนิค BTC

BTC มาถึงจุดเปลี่ยนสำคัญอีกครั้งที่ระดับ 14,000 ดอลลาร์ หากผ่านจุดนี้ไปได้จะเป็นการช่วยยืนยันแนวโน้มขาขึ้นหลังการ Breakout เทรนด์ไลน์ขากดในครั้งที่สองซึ่งเกิดขึ้นในปีนี้เป็นการยืนยันการพลิกตัวเป็นขาขึ้นของ Bitcoin หลังจากที่เป็นขาลงและไซด์เวย์มานานกว่าสองปี 

หาก BT สามารถผ่านระดับ 14,000 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นจุดสูงสุดเดิมของปีที่แล้วได้ จะเป็นการยืนยันขาขึ้นรอบใหญ่หรือเวฟที่สามตามทฤษฎี Elliott Wave

เป้าหมายถัดไปหากสามารถผ่านระดับ 14,000 ดอลลาร์ไปได้จะเป็นการทดสอบจุดสูงสุดเดิม (All Time High) ที่ระดับ 20,000 ดอลลาร์ และหากผ่านไปได้จะมีเป้าหมายตามแนว Fibonacci 161.8 ที่ระดับ 30,000 ดอลลาร์

ระยะสั้นหากจะมีการย่อตัวไม่ควรจะหลุดระดับ 12,500 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นการ Breakout ครั้งก่อนหน้าที่ทำให้แนวดังกล่าวกลายเป็นแนวรับสำคัญ

บทความอื่นที่เกี่ยวข้อง : Bitcoin ปิดแท่งเดือนสูงสุดเป็นอันดับสองรองจากธันวาคม 2017 เท่านั้น!

วิเคราะห์กราฟเทคนิค ETH

ETH สัปดาห์ที่ผ่านมามีการย่อตัวแต่ราคายังไม่ทำ Lower Low ระยะสั้นจึงยังมั่นใจได้ว่ายังไม่เป็นขาลง อย่างไรก็ตามหากมีการย่อตัวลงอีก แนวรับสำคัญจะเป็นเส้นเทรนด์ไลน์ด้านล่างที่จะช่วยประคองภาพระยะกลางให้ยังเป็นขาขึ้นได้

หากจะมั่นใจได้ว่า ETH จะเป็นขาขึ้นในระยะสั้น ราคาควรที่จะ Breakout ผ่านระดับ 422 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นจุดสูงสุดเดินขึ้นไปให้ได้ ถึงจะมองเป้าถึงแนวต้านถัดไปที่ 450 และ 490 ดอลลาร์

ทั้งนี้ ETH กำลังทำ Price Pattern ทรงสามเหลี่ยมบีบตัว หากยังเคลื่อนไหวอยู่ภายใต้กรอบราคาดังกล่าว สัปดาห์หน้าอาจจะถึงช่วงเวลาที่ราคาจะเลือกทิศทางที่ชัดเจน

บทความอื่นที่เกี่ยวข้อง : Ethereum ยังน่าเทรดอยู่ไหม? หรือคู่แข่งหน้าใหม่จะตอบโจทย์กว่า

Leave a comment

เกี่ยวกับ NewsFirstLine

สื่อชั้นนำด้านบล็อกเชนและคริปโตในภูมิภาคเอเชีย นำเสนอข่าวสารด้านเทคโนโลยีและการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลอย่างรอบด้านและเจาะลึก ครอบคลุมทั้งภูมิภาคเอเชียเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะสิงคโปร์และประเทศไทย

สมัครรับข่าวสารจาก SCN