นับตั้งแต่การ Halving ครั้งล่าสุดของ Bitcoin ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ราคาของมันได้พุ่งขึ้นมากกว่า 100% จากราคาประมาณ 9,000 ดอลลาร์มาสู่ระดับราคา 18,000 ดอลลาร์ในปัจจุบัน
ทาง Chainalysis บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลบนบล็อกเชนได้จำแนก Bitcoin ไว้เป็นสองประเภทคือ Bitcoin ของนักลงทุนระยะยาว (Investor Bitcoin) กระเป๋าสตางค์ที่เคยส่ง Bitcoin ออกไปเป็นมูลค่าน้อยกว่า 25% ของยอดที่โอนรับเข้ามา และที่เหลือจะถูกจัดอยู่ในประเภท Bitcoin ของนักเทรด (Trader Bitcoin)
ที่มา: Chainalysis
จากกราฟข้างต้นแสดงให้เห็นถึงข้อมูลระหว่าง Investor Bitcoin (เส้นสีส้ม) และ Trader Bitcoin (เส้นสีเหลือง) พร้อมทั้งราคาในเส้นสีน้ำเงินตั้งแต่เมื่อเดือนมกราคมของปี 2017 จนถึงปัจจุบัน โดยเส้นสีส้มได้พุ่งขึ้นอย่างรุนแรงนับตั้งแต่เริ่มต้นปี 2020 สะท้อนให้เห็นว่าซัพพลายของ Bitcoin ส่วนใหญ่นั้นถูกเก็บไว้ในมือของนักลงทุนระยะยาว ขณะที่เส้นสีเหลืองซึ่งเป็นตัวแทนของ Bitcoin ที่หมุนเวียนอยู่ในตลาดและกระดานเทรดกลับลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยประมาณการได้ว่ามีเพียง 3.4 ล้าน BTC เท่านั้น
ในขณะที่ตัวแทนของนักลงทุนรายใหญ่อย่าง Grayscale ได้รายงานว่าถือ Bitcoin อยู่มากกว่า 500,000 BTC แล้วในปัจจุบัน ซึ่งเป็นตัวการหนึ่งที่ทำให้เกิดการขาดแคลนซัพพลายของ Bitcoin อย่างรุนแรงเนื่องจาก Grayscale เดินหน้าซื้อ Bitcoin ในอัตราที่มากกว่าที่เหล่านักขุดจะสามารถผลิตได้ในแต่ละวันที่ 900 BTC เท่านั้นหลังจากการ Halving รอบที่ผ่านมา
และการที่บริษัทเอกชนหลายรายกำลังมุ่งเดินตามรอยเท้านักบุกเบิกอย่าง MicroStrategy และ Square ในการถือ Bitcoin เป็นสินทรัพย์แทนเงินสดนั่นย่อมจะส่งผลให้เกิดการแก่งแย่ง Bitcoin ที่มีปริมาณอยู่เพียงน้อยนิดในตลาดจากการที่นักลงทุนใน Bitcoin ส่วนใหญ่หันไปถือยาวมากกว่าจะเทรดเล่นรอบเหมือนที่เคย ปฏิกิริยาลูกโซ่เช่นนี้นั้นเป็นสาเหตุที่ทำให้ราคาของ Bitcoin นั้นพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่เดือนมานี้
เป็นที่คาดการณ์กันได้ว่า นับจากนี้ไป ซัพพลายของ Bitcoin ที่ร่อยหลอลงไปเรื่อย ๆ จะยิ่งดันให้ราคาของ Bitcoin พุ่งสูงขึ้นไปอย่างต่อเนื่องจึงทำให้นักวิเคราะห์หลายคนกล้าออกมาทำนายราคาในระดับหลักหลายแสนดอลลาร์ต่อ Bitcoin นั่นเอง
ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง: บริษัทหลักทรัพย์ Trinity ประกาศ! เราจะมองข้ามบิทคอยน์ไม่ได้อีกต่อไป
