เจย์ เคลย์ตัน ประธานคณะกรรมการกำกับดูแลตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ชี้บิทคอยน์ ไม่ใช่หลักทรัพย์ และราคาที่พุ่งขึ้นอย่างร้อนแรงในปีนี้เป็นผลมาจากความไม่มีประสิทธิภาพในระบบการชำระเงินที่เริ่มเห็นได้ชัดเจนมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านพ้นไป
เคลย์ตัน ซึ่งกำลังจะก้าวลงจากตำแหน่งประธานในเร็วๆ นี้ ได้แสดงความเห็นดังกล่าว หลังราคาบิทคอยน์ในตลาดเข้าสู่ภาวะกระทิงที่พุ่งขึ้นสูงกว่า 18,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ และกำลังไต่ระดับขึ้นเรื่อ่ยๆ จนใกล้เคียงกับสถิติราคาสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (All-time-high) ในปี 2017 ที่ 20,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ
“สิ่งที่เรากำลังเห็นในขณะนี้ก็คือกลไกการจ่ายเงินทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศในปัจจุบัน เป็นกลไกที่ไร้ประสิทธิภาพ ซึ่งความไร้ประสิทธิภาพเหล่านั้นเป็นแรงขับให้บิทคอยน์ราคาสูงขึ้น” เคลย์ตันกล่าวระหว่างให้สัมภาษณ์กับทางสถานีโทรทัศน์ CNBC
สำหรับความเห็นที่ว่า ควรพิจารณาบิทคอยน์ให้เป็นหลักทรัพย์ประเภทหนึ่งหรือไม่ ประธานคณะกรรมการกำกับดูแลหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ มองว่า บิทคอยน์ควรจัดอยู่ในประเภทรูปแบบหนึ่งของการชำระเงินหรือแหล่งสั่งสมมูลค่ามากกว่าการเป็นหลักทรัพย์
ทั้งนี้ อุตสาหกรรมคริปโตในสหรัฐฯ มักมีเรื่องขัดแย้งกับคณะกรรมการกำกับดูแลหลักทรัพย์เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลและโทเค็นอยู่ในบ่อยครั้งว่าควารจัดให้เงินดิจิทัลเหล่านี้เป็นหลักทรัพย์ประเภทหนึ่งโดยใช้ Howey Test เป็นเกณฑ์มาตรฐานหรือไม่
นอกจากนี้ อีกหนึ่งความท้าทายที่อุตสาหกรรมคริปโตจะต้องเผชิญก็คือการขาดความชัดเจนด้านกฎระเบียบและการพิจารณาตัดสินใจโดยพลการ รวมถึงการกำหนดธรรมเนียมค่าใช้จ่ายของบริษัทที่เข้ามาดูแลเอง
อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายเริ่มมีความหวังเกี่ยวกับรายละเอียดของระเบียบสกุลเงินคริปโตภายใต้รัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่กำลังจะเข้ามารับตำแหน่งผู้นำคนที่ 46 ของสหรัฐฯ ในปีหน้า ซึ่งนายไบเดนได้แต่งตั้ง แกร์รี เกนสเลอร์ (Gary Gensler) อดีตประธานคณะกรรมการการค้าในตลาดโภคภัณฑ์ฟิวเจอร์ (Commodity Futures Commission : CFTC) เข้ามาเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน โดยเป็นที่รู้กันดีว่า นายเกนสเลอร์ ไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับตลาดคริปโต
ขณะเดียวกัน ข้อเสนอกฎหมายหลายฉบับเพื่อยกเครื่องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงกฎหมายที่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมคริปโต กำลังมีการพิจารณาพูดคุยกันอยู่ในณะนี้ ซึ่งรวมถึงการที่เมื่อไม่นานมานี้ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ฯเพิ่งจะเพิ่มเพดานคราวด์ฟันดิ้งสำหรับบรรดาสตาร์ทอัพ ซึ่งทำให้บริษัทคริปโตทั้งหลายสามารถระดมทุนจากช่องทางอื่นๆ เพิ่มเติมนอกเหนือจาก VC
