นักวิเคราะห์ประเมินบทบาทของบิทคอยน์ โดยระบุเป็นแหล่งทุนสนับสนุนความเคลื่อนไหวของกลุ่มที่ก่อเหตุจลาจลบุก Capitol Hill อาคารรัฐสภาเมื่อต้นเดือนม.ค.ที่ผ่านมา
รายงานระบุว่า ในช่วงสองปีที่ผ่านมา สินทรัพย์ดิจิทัลและโทเคนได้กลายเป็นสกุลเงินที่อยู่เบื้องหลังบรรดาสมาชิกกลุ่มก่อความไม่สงบ ผู้ประท้วง นักจลาจล และผู้ที่เข้าร่วมในการเคลื่อนไหวด้านสาธารณะต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น กรณีผู้ประท้วงในฮ่องกง ความเคลื่อนไหวของคนผิวสี (Black Lives Matter)ช่วงปี 2019-2020 โดยมีพลเรือนและกลุ่มองค์การหลายกลุ่มผู้ไม่ประสงค์ออกนามได้หันมาใช้คริปโตเคอร์เรนซีเป็นช่องทางส่งเงินทุนที่จะเป็นท่อน้ำเลี้ยงให้กับความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเหล่านี้เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบติดตามจากทางการ
ทั้งนี้ Chinalysis บริษัทด้านวิเคราะห์ข้อมูลบล็อกเชนและคริปโต และบริหารจัดการด้านความปลอดภัย ระบุว่า ในการประท้วงรุนแรงที่อาคารรัฐสภาสหรัฐฯ จนทำให้บรรดาสมาชิกสภาต้องวิ่งหนีออกมาเพื่อความปลอดภัยเมื่อไม่นานมานี้ก็ดูจะมีแหล่งท่อน้ำเลี้ยงจากแวงวงคริปโตเช่นกัน
รายงายฉบับแรกสุดที่ยืนยันความเห็นข้างต้นมาจาก Yahoo News ซึ่งรายงานว่า มีผู้บริจาครายหนึ่งจากฝรั่งเศสได้ให้เงินมหาศาลในรูปบิทคอยน์แก่กลุ่มฝ่ายขวาหนึ่งเดือนก่อนที่การประท้วงจลาจลจะเกิดขึ้น ซึ่งชายนิรนามรายนี้ได้โอนเงิน 28.15 BTC ซึ่งมีมูลค่าราว 500,000 ดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงเวลาดังกล่าว ไปยังดิจิทัลวอลเล็ท 22 แห่ง โดยที่บางดิจิทัล วอลเล็ทนี้ ภายหลัง Chinalysis ตรวจสอบพบว่าเป็นเว็บไซต์ของกลุ่มฝ่ายขวาอย่าง VDARE, The Daily Stormer และ Nick Fuentes
อย่างไรก็ตาม แม้จะแทบไม่เห็นความสัมพันธ์ในเหตุและผล รวมถึงไม่มีหลักฐานโดยตรงที่เชื่อมโยงกับผู้บริจาค ที่ Chinalysis ให้นิยามว่าเป็น ‘Extremist Legacy Wallet’จากการบริจาคให้กับการจลาจลซึ่งเกิดขึ้นในวันที่ 6 มกราคมที่ผ่านมา กระนั้น ก็มีคำใบ้หลายประการที่บ่งชี้ให้บริษัทได้นำไปสู่การเชื่อมโยง
ความเชื่อมโยงประการแรกก็คือ Fuentes ซึ่งเป็นนักวิจารณ์การเมืองฝ่ายขวาและยูทูปเบอร์ที่ได้รับความนิยม ได้รับ 13.5 BTC ซึ่งเป็นจำนวนที่มากผิดปกติเมื่อเทียบกับเงินบริจาคโดยเฉลี่ยที่เจ้าตัวได้ที่เฉลี่ย 2,000 ดอลลาร์สหรัฐในสกุลเงินดิจิทัล
จากนั้น Chainalysis ได้ติดตามที่อยู่อีเมลของผู้บริจาคไปยังบล็อกตกยุคแห่งหนึ่งซึ่งชี้ให้เห็นว่าผู้บริจาคเป็นพวกหัวรุนแรงโดยพิจารณาจากบล็อกโพสต์ที่ประณามมรดกของสหรัฐอเมริกาและคร่ำครวญถึงความเสื่อมโทรมของอารยธรรมอเมริกัน ด้วยเหตุนี้ผู้บริจาคจึงตัดสินใจที่จะ “ยกมรดกของเขาด้วยสาเหตุบางอย่างและบางคน”
ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นทำให้เครือข่ายโซเชียลมีเดียชั้นนำอย่าง Twitter, Facebook และ YouTube ตลอดจนเครือข่ายสังคมออนไลน์อื่นๆ ตัดสินใจระงับบัญชีของผู้ที่เกี่ยวข้องกับการจลาจลรวมถึง บริษัท ที่เป็นของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
นอกจากนี้ Visa และ Mastercard ยังได้ระงับบริการชำระเงินไปยังแพลตฟอร์มที่สนับสนุนอำนวยความสะดวกในการรณรงค์ของทรัมป์ที่มีส่วนปลุกระดมให้เกิดการจลาจลรุนแรงครั้งนี้
แม้จะมีการถกเถียงกันว่า การตัดสินใจของเอกชนเหล่านี้เข้าข่ายละเมิดเสรีภาพในการพูด รวมถึงเป็นการระบบเซ็นเซอร์ซึ่งขัดต่อหลักฏหมายมาใช้ในแพลตฟอร์มของบริษัทหรือไม่ แต่กระแสของผู้คนส่วนใหญ่ต่างเห็นพ้องกันว่า บริษัทเหล่านี้เป็นบริษัทเอกชนที่สามารถปฏิเสธสิทธิ์ในการให้บริการแก่ลูกค้าได้
SOURCE
https://www.NewsFirstLine.com/what-role-bitcoin-play-in-capitol-hill-fiasco/