สตาร์ทอัพรายหนึ่งหวังใช้ระบบบล็อกเชน เข้ามาช่วยในการยืนยันความถูกต้องและแม่นยำของผลการตรวจไวรัสCOVID-19 หวังเร่งฟื้นอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั่วโลก.
ทั้งนี้ แนวคิดดังกล่าวมีขึ้น หลังการระบาดครั้งใหญ่ของไวรัส COVID -19 ไม่เพียงแต่คร่าชีวิตผู้คนหลายล้านคนทั่วโลกเท่านั้น แต่ยังสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่กลายเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด จากมาตรการจำกัดการเดินทางเพื่อสกัดกั้นการระบาด.
อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมท่องเที่ยวก็เริ่มมีความหวังที่จะได้เห็นแสงสว่างที่คืบคลานเข้ามา หลังมีการประกาศความสำเร็จเกี่ยวกับวัคซีนในปีเดือนธ.ค. ปี 2020 อย่างน้อยก็สำหรับอุตสาหกรรมสายการบินที่สามารถขึ้นบินได้อีกครั้งเพื่อจัดการจัดส่งกระจายวัคซีนไปตามประเทศต่างๆ ทั่วโลก.
รายงานระบุว่า เพื่อให้การฟื้นตัวในด้านการเดินทางทางอากาศเป็นไปอย่างยั่งยืน จึงมีการพัฒนาโซลูชั่น เพื่อหาระบบที่สามารถตรวจสอบยืนยันความถูกต้องของผลทดสอบการติดเชื้อไวรัสCOVID-19 หลังมีองค์กรหลายแห่งออกใบรับรองผลการทดสอบCOVID -19 ปลอมซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตของคนในสังคมโดยรวม.
พูดให้เข้าใจง่ายขึ้นก็คือ ปัจจุบันไม่มีเทคโนโลยี โซลูชั่นที่ได้รับการยอมรับในวงกว้าง ที่สายการบิน รัฐบาล และสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) สามารถเชื่อถือได้อย่างวางใจ.
GenoBank.io ถือเป็นหนึ่งในบริษัทที่พยายามพัฒนาระบบเพื่อรองรับความต้องการดังกล่าว โดย GenoBank.io ผู้นำด้านการทดสอบดีเอ็นเอแบบไม่เปิดเผยตัวตนและรักษาความเป็นส่วนตัวได้ร่วมมือกับ Arion Genetica และเครือข่ายห้องปฏิบัติการในกรุงเม็กซิโก ซิตี้ ประเทศเม็กซิโก พัฒนาโซลูชั่นขึ้นมาโดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของระบบบล็อกเชน ที่เปิดทางให้สามารถตรวจสอบผลตรวจCOVID-19 ที่อยู่ในคริปโต ส่งผลให้โอกาสในการปลอมแปลงผลสอบ COVID-19 เป็นศูนย์.
รายงานระบุว่า ผลการทดสอบของแล็บที่ออกโดย GenoBank.io ได้รับการยอมรับจากกระทรวงความมั่นคงมาตุภูมิของสหรัฐฯ.
“เป้าหมายของเราคือการช่วยเหลือให้นักเดินทางสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติให้เร็วขึ้น ด้วยการให้วิธีการที่สามารถตรวจสอบตามรอยผลการสอบทางแล็บของCOVID-19 ได้ ซึ่งทาง GenoBank.io ได้เข้ามาส่งเสริมสนับสนุนการทำงานของห้องแล็บปฎิบัติการด้วยการเสนอห่วงโซ่การควบคุมดูแลที่ตรวจสอบผลการทดสอบทางแล็บของลูกค้า เป็นการสร้างความมั่นใจว่า ผลการทดลองในห้องปฏิบัติการไม่ได้ถูกปลอมแปลงหรือดัดแปลงโดยอาศัยลายเซ็นคริปโตที่จับคู่กับรหัสตัวแทนห้องปฏิบัติการแต่ละแห่ง และผลลัพธ์จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้เมื่อถูกบันทึกลงในบล็อกเชน รวมถึงจะมีประทับตรากำหนดเวลาที่ทำให้ใช้งานได้เพียง 3 วัน ซึ่งทั้งหมดนี้ทำได้โดยใช้QR Code ที่ปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้” Daniel Uribe ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) และผู้ก่อตั้ง GenoBank.io กล่าว.
ความเคลื่อนไหวข้างต้น ถือเป็นสัญญาณเริ่มต้นที่ทำให้สังคมได้เห็นแอปพลิเคชันด้านเทคโนโลยีบล็อกเชนที่จะก้าวเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของมนุษย์มากขึ้น โดยในไม่ช้านี้ บล็อกเชนจะกลายเป็นสิ่งคุ้นเคยสามัญเช่นเดียวกับกับ HTML ที่กลายเป็นภาษาสากลอันเป็นพลังในการขับเคลื่อนเว็บไซต์ทั่วโลก.
