fbpx
Skip to content Skip to sidebar Skip to footer

Tesla ทุ่มลงทุนบิทคอยน์ยังไม่พอดึงนักลงทุนในวอลสตรีท

Tesla MicroStrategy bitcoin strategy

การทุ่มลงทุนในบิทคอยน์ของ Tesla ค่ายผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำของสหรัฐฯในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ดูจะยังไม่เพียงพอที่จะทำให้นักลงทุนในตลาดวอลสตรีทตามเข้าไปลงทุนในบิทคอยน์ได้

 

  • บรรดาธนาคารทั้งหลายต่างเปิดใจรับคริปโตเคอร์เรนซีค่อนข้างช้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคริปโตเคอร์เรนซีทำให้เกิดการดิสรัปในรูปแบบการดำเนินธุรกิจแบบเดิมของธนาคาร
  • บรรดาธนาคารยังคงหาทางออกที่ดีที่สุดที่จะทำกำไรจากคริปโตเคอร์เรนซี ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมธนาคารเหล่านี้จึงเปิดใจต่อคริปโตเคอร์เรนซีอย่างค่อนข้างช้า ยังไม่นับรวมถึงบรรดากฎระเบียบข้อบังคับต่างที่ยังขาดความชัดเจนที่ธนาคารเหล่านี้ต้องเผชิญ

 

การที่ Tesla ออกมาเปิดเผยว่าได้ทุ่มเงินลงทุนในบิทคอยน์รวมมูลค่า 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงสัปดาห์นี้ จนทำให้ราคาของบิทคอยน์พุ่งทำสถิติสูงสุดตลอดกาลนี้ อาจเรียนเรียนฮือฮาได้เป็นอย่างดี แต่เมื่อถามว่า ข่าวความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะเพียงพอให้บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์รายอื่นๆ แห่เข้ามาลงทุนในบิทคอยน์หรือไม่นั้น คำตอบที่ได้เกรงว่าจะไม่ 

ทั้งนี้ ต้องเข้าใจก่อนว่า Tesla เป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่ล้ำสมัยซึ่งผลักดันให้เกิดโซลูชันในด้านยวดยานพาหนะ ดังนั้น การเคลื่อนไหวครั้งนี้ จึงทำให้หลายฝ่ายอดตั้งคำถามไม่ได้ว่า Tesla น่าจะพยายามเปลี่ยนรูปลักษณ์ของสิ่งที่ประกอบสร้างเป็นสกุลเงินด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม เป็นอันรู้กันดีว่า บรรดาสถาบันดั้งเดิมอย่างธนาคาร โดยธรรมชาติมักเป็นองค์การที่ยากได้ผลักดันตนเองให้เปิดรับสินทรัพย์ดิจิทัลที่เพิ่งตั้งขึ้นใหม่ เห็นได้จากการที่ธนาคารชั้นนำของสหรัฐส่วนใหญ่ยังคงหลีกหนีจากสกุลเงินดิจิทัล

โดยขณะที่มี Future contracts ในรูปของบิทคอยน์ หรือ การมี Ether ให้บริการเข้าถึงในตลาดหลักทรัพย์หลักๆ แต่กลับไม่มีธนาคารขนาดใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ที่มีอยู่ 6 แห่งออกมาให้บริการลูกค้าเพื่อช่วยให้เข้าถึงการซื้อขายดังกล่าว 

พูดกันอย่างเป็นกลาง การให้เงินช่วยเหลือภาคธนาคารในปี 2008 ถือเป็นแรงผลักดันแรกสุดที่ทำให้เกิดการสร้างบิทคอยน์ขึ้นมา ดังนั้น มันจึงไม่ใช่เรื่องท่ี่ควรจะต้องแปลกใจหากว่าธนาคารเหล่านี้จะไม่ได้ร่วมอยู่ในพลพรรคคริปโต

Satoshi Nakamoto ผู้พัฒนาบิทคอยน์ ได้เขียนลงในไวท์เปเปอร์ในปี 2008 ว่า

“เงินสดอิเล็กทรอนิกส์แบบ P2P (peer-to-peer) จะช่วยให้การชำระเงินออนไลน์ส่งตรงจากฝ่ายหนึ่งไปยังอีกฝ่ายหนึ่งได้โดยไม่ต้องผ่านสถาบันการเงิน”

 

ดังนั้นในขณะที่ บริษัทต่างๆ เช่น Tesla ทุ่มลงทุนขนานใหญ่ในบิทคอยน์ บรรดาธนาคารจึงตอบรับต่อสินทรัพย์ที่สร้างขึ้นมาเพื่อต้องการทำลายรูปแบบธุรกิจของธนาคารได้ล่าช้ากว่า 

ในบรรดาธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ JPMorgan Chase (-0.40%) ได้รับการจับตามองมากที่สุดเมื่อพูดถึงสกุลเงินดิจิทัลนี้ โดยแม้ว่า Jamie Dimon ซีอีโอของธนาคารจะให้นิยามบิทคอนย์ว่าเป็น “การฉ้อโกง” เมื่อปีที่แล้ว แต่ JPMorgan Chase ก็ได้มีการตกลงที่จะให้บริการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัล Coinbase และ Gemini Trust ในฐานะลูกค้าของธนาคาร แหกกฎของวงการที่มักปฏิเสธการให้บริการบริษัทด้านคริปโตเคอร์เรนซี แม้แต่บริการพื้นฐา

ทั้งนี้ ต่อมาในภายหลัง Dimon ยังได้ออกมากลับลำคำวิพากษ์วิจารณ์ที่มีต่อบิทคอยน โดยเจ้าตัวระบุว่าเสียใจกับความคิดเห็นเหล่านั้น ทั้งยังเห็นว่าบิทคอยน์จะเป็นวิธีที่ธนาคารจะได้ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน ที่ครอบคลุมถึงการเพิ่มความรวดเร็วในการชำระเงินของบริษัทผ่าน JPM Coin ของธนาคารซึ่งสร้างขึ้นจากเทคโนโลยีเดียวกับที่ขับเคลื่อน Bitcoin

ขณะที่ ย้อนไปเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา แม้ Goldman Sachs (+ 0.10%) จะออกมาแย้งความคิดของบิทคอยน์ชในฐานะสินทรัพย์ประเภทหนึ่งว่า บิทคอยน์ไม่ใช่หน่วยที่มีมูลค่าที่แท้จริง ทั้งยังมีความผันผวนที่ค่อนข้างสูง แต่ลับหลังก็มีรายงานว่า Goldman Sachs ได้สำรวจหนทางการสร้างสกุลเงินดิจิทัลของตัวเองและจ้างผู้ค้าสกุลเงินดิจิทัลเพื่อช่วยให้ธนาคารเป็นผู้นำในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล และได้เริ่มต้นตั้งโต๊ะซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลแล้ว

ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ให้ผลตอบแทนอยู่ในระดับต่ำควบคู่ไปกับอัตราดอกเบี้ยใกล้ศูยน์ บรรดานักลงทุนในตลาดวอลล์สตรีท ที่ส่วนใหญ่ยังคงอยู่ข้างสนามในตอนนี้ อาจตัดสินใจก้าวเข้ามาลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลเมื่อสกุลเงินเหล่านี้ให้ผลตอบแทนที่ดีเกินกว่าที่จะเพิกเฉยได้

การลงทุนบิทคอยน์มูลค่า 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯของ Tesla อาจจะมีมูลค่า 5,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯในปีหน้า เมื่อเทียบเคียงกับผลตอบแทนที่ผ่านมาของบิทคอยน์  

และที่ไหนที่สามารถหาเงินได้ นักลงทุนในวอลสตรีทย่อมอยู่ไม่ไกลเสมอ 

 

PATRICK TAN, SCN CONTRIBUTOR

CEO ของ Novum Alpha บริษัทซื้อขายแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลชั้นนำด้วยเครื่องมือ Dee Learning Tools ที่สามารถสร้างผลตอบแทนในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐในทุกสภาพเงื่อนไขตลาด

 

 

Leave a comment

เกี่ยวกับ NewsFirstLine

สื่อชั้นนำด้านบล็อกเชนและคริปโตในภูมิภาคเอเชีย นำเสนอข่าวสารด้านเทคโนโลยีและการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลอย่างรอบด้านและเจาะลึก ครอบคลุมทั้งภูมิภาคเอเชียเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะสิงคโปร์และประเทศไทย

สมัครรับข่าวสารจาก SCN