ในขณะที่บางประเทศยังคงดิ้นรนกับการหาวิธีที่ควรจัดการกับคริปโตเคอร์เรนซี รัฐบาลสิงคโปร์กลับกำลังมองหาตำแหน่งเพื่อวางประเทศให้เป็นศูนย์กลางสำหรับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับคริปโต
ทั้งนี้ Ravi Menon กรรมการผู้จัดการของธนาคารกลางสิงคโปร์ หรือ Monetary Authority of Singapore (MAS) เชื่อว่า คริปโตเคอร์เรนซีไม่ควรถูกจำกัดหรือห้ามปรามแต่อย่างใด แต่ควรที่จะมีการตั้ง “กฎระเบียบที่เข้มงวด” เพื่อให้แน่ใจว่าบริษัททั้งหลายได้ปฏิบัติตามข้อกำหนดและจัดการกับความเสี่ยงก่อนการดำเนินการ
โดยในมุมมองของ Menon เจ้าตัวเชื่อว่าหากไม่เปิดใจยอมรับคริปโต สิงคโปร์อาจถูกทิ้งให้อยู่ข้างหลัง พร้อมกล่าวว่าการเข้าสู่อุตสาหกรรมคริปโตในช่วงต้นจะช่วยให้ประเทศสิงคโปร์ได้เปรียบเพราะเริ่มต้นก้าวแรกก่อนใคร รวมถึงช่วยให้เข้าใจถึงข้อดีและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ดียิ่งขึ้น
“ด้วยกิจกรรมที่อิงกับคริปโตโดยพื้นฐานแล้วเป็นการลงทุนในอนาคตที่คาดหวัง ซึ่งรูปร่างยังไม่ชัดเจนในตอนนี้ แต่หากไม่ตัดสินใจเข้าร่วมสู่เกมนี้ ผมคิดว่าก็เสี่ยงที่จะทำให้สิงคโปร์จะถูกทิ้งไว้ข้างหลังได้ การเริ่มเกมในช่วงต้นเกมหมายความว่าเราสามารถเริ่มต้นได้ และเข้าใจถึงประโยชน์ที่เป็นไปได้และความเสี่ยงของเกมได้ดีขึ้น”
Ravi Menon กรรมการผู้จัดการธนาคารกลางสิงคโปร์กล่าว
กล่าวอีกนัยหนึ่ง สิ่งที่ Menon ต้องการจะสื่อก็คือ ประเทศสิงคโปร์ควรเตรียมการป้องกันสำหรับความเสี่ยงใด ๆ รวมถึงการไหลที่ผิดกฎหมาย โดยเจ้าตัวกล่าวว่าสิงคโปร์ควร “สนใจที่จะพัฒนาเทคโนโลยีคริปโต ทำความเข้าใจบล็อคเชน สัญญาอัจฉริยะ และเตรียมตัวสำหรับโลกของ Web 3.0”
ความเห็นของธนาคารกลางสิงคโปร์ในครั้งนี้มีขึ้นท่ามกลางประเทศต่างๆ ที่แสดงท่าทีที่มีต่อคริปโตที่แตกต่างกันออกไป และต่างก็งัดวิธีจัดการกับคริปโตไม่เหมือนกัน เช่น ในกรณีของจีนที่ดำเนินการกวาดล้างอย่างจริงจัง ตรงข้ามกับญี่ปุ่นที่เพิ่งจะอนุญาตให้เฉพาะกองทุนเพื่อการลงทุนคริปโตดำเนินการได้เท่านั้น ขณะที่เอลซัลวาดอร์เปิดใจยอมรับคริปโตอย่างเต็มที่ ประกาศให้บิทคอยน์เป็นสกุลเงินที่ถูกกฎหมาย ส่วนสหรัฐอเมริกาเองก็มีตัวเลือกมากมายสำหรับการลงทุนในคริปโต แม้จะมีคำเตือนจากหน่วยงานที่กำกับดูแลตลาดเงินให้นักลงทุนใช้ความระมัดระวังในการลงทุนในทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับคริปโตก็ตาม
