fbpx
Skip to content Skip to sidebar Skip to footer

คริปโตเคอร์เรนซีร่วงลงตามทิศทางตลาดหุ้น

  • เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา มีการเทขายบิทคอยน์ประมาณ 4,000 BTC ภายในเวลาหนึ่งชั่วโมง คิดเป็นมูลค่าประมาณ 208 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
  • ความผันผวนของสกุลเงินดิจิทัลเกิดขึ้นท่ามกลางช่วงเวลาที่ผันผวนของตลาดการเงิน

แม้ว่าตลาดหุ้นจะปิดทำการในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่ไม่ใช่สำหรับบิทคอยน์ ทำให้ราคาบิทคอยน์ร่วงลงอย่างแรงเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ฉุดราคาเหรียญคริปโตเคอร์เรนซีอื่นๆ ให้ร่วงตามลงไปด้วย สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่ลดลง ทำให้เกิดแรงเทขายบิทคอยน์เพื่อลดความเสี่ยงในการลงทุน

ทั้งนี้ จากการวิเคราะห์กระแสหมุนเวียนของบิทคอยน์โดย Glassnode บริษัทผู้ให้บริการข้อมูลบล็อคเชน พบว่า มีการขายบิทคอยน์ประมาณ 4,000 บิทคอยน์ในวันเสาร์ ในช่วงเวลาหนึ่งชั่วโมง คิดเป็นมูลค่าประมาณ 208 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

เนื่องจากมูลค่าตลาดของบิทคอยน์นั้นสูงกว่า 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ จำนวนเงินดังกล่าวจึงไม่กระเทือนต่อภาพรวม แต่ราคาที่ดิ่งลงแรงก็เกิดขึ้นด้วยเหตุผลหลัก 2 ประการ

ประการแรก ปริมาณการซื้อขายในช่วงสุดสัปดาห์มักจะลดลงสำหรับตลาดสกุลเงินดิจิทัล แม้ว่าจะมีการดำเนินการตลอด 24 ชั่วโมงทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งหมายความว่าแม้แต่การขายที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยก็อาจผิดพลาดจากคำสั่งซื้อที่บางอยู่แล้ว

ประการที่สอง การขายจะทำให้เกิดการเรียกมาร์จิ้นแบบเรียงซ้อนกับเลเวอเรจจำนวนมากที่ตลาดคริปโตเคอเรนซีมีชื่อเสียง

เนื่องจากการแลกเปลี่ยนอนุพันธ์จำนวนมากไม่ได้รับการควบคุม ระดับของเลเวอเรจที่เสนอนั้นมากกว่าที่มีอยู่ในตลาดการเงินแบบดั้งเดิม และผู้ค้าใช้เครื่องมือเหล่านี้เพื่อทำกำไร แต่เมื่อสถานการณ์คลี่คลายสิ่งที่มักจะเกิดขึ้นบ่อยๆ ก็คือเห็นการซื้อมาร์จินที่ทำให้มูลค่าหายไปเข้ามาแทน

ทั้งนี้ มีการประเมินว่า โพซิชั่นมูลค่าราว 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯได้รับการชำระโดยอัตโนมัติในช่วงเวลา 1 ชั่วโมงของวันเสาร์ที่ผ่าน ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกับที่เคยเกิดขึ้นในช่วงเดือนสิงหาคมและเดือนพฤษภาคมปีนี้

ความผันผวนของสกุลเงินดิจิทัลเกิดขึ้นท่ามกลางช่วงเวลาที่ผันผวนของตลาดการเงิน

อัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นทำให้บรรดาธนาคารกลางทั่วโลกต้องทบทวนนโยบายผ่อนคลายอื่น ๆ ซึ่งช่วยยกระดับสินทรัพย์ที่หลากหลาย รวมถึงสกุลเงินดิจิทัล

ท่ามกลางสถานการณ์ข้างต้น ตัวแปรอย่างไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์โอมิครอนก็กำลังคุกคามการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและทำให้การหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานยังคงกดดันราคาสินค้าและบริการต่อไป

อย่างไรก็ตาม ตัวบิทคอยน์ยังคงปรับเพิ่มขึ้นมากกว่า 60% ในปีนี้ นับเป็นผลตอบแทนที่มากกว่าสินทรัพย์อื่น ๆ โดยมีประเทศอย่างเอลซัลวาดอร์ที่ใช้โอกาสในการซื้อการลดลงโดยเพิ่ม 150 เหรียญเข้าไปในคลัง

ด้านสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างพันธบัตรสหรัฐฯ ปรับตัวพุ่งขึ้นท่ามกลางความไม่แน่นอน แต่สิ่งสำคัญสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปคือการที่ เฟดจะเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วหรือไม่และมีเหตุผลที่จะเชื่อว่าสิ่งนี้อาจเป็นกรณี

ด้วยวาระที่สองของการดำรงตำแหน่งประธานเฟดอย่างแน่นอนแล้ว (รอเพียงการยืนยันจากวุฒิสภา) เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ดูจะเร่งให้เฟดลดการใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) ลงในการประชุมนโยบายของธนาคารกลางในช่วงกลางเดือนธันวาคมนี้

ดังที่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนี้ พาวเวลล์ไม่เคยกลับลำอย่างกะทันหันในการเปลี่ยนแปลงนโยบาย โดยเจ้าตัวจะเลือกที่จะยึดมั่นในจุดยืนของตนและสื่อสารกับตลาดด้วยภาษาที่ชัดเจนและเข้าใจได้เสมอ

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พาวเวลล์ได้ยกเลิกคำว่า “ชั่วคราว” เพื่ออธิบายภาวะเงินเฟ้อและได้กล่าวในฟอรัมต่างๆ ซึ่งรวมถึงคำให้การต่อหน้าสภาคองเกรสว่าธนาคารกลางตั้งใจที่จะเร่งให้การซื้อสินทรัพย์ลดลง

เมื่อเดือนที่แล้ว ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ปรับลดการซื้อสินทรัพย์ 120,000 ล้านดอลลาร์ต่อเดือนลง 15,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งหมายความว่าพวกเขาจะหยุดพร้อมกันภายในกลางปีหน้า และปูทางให้การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ

พาวเวลล์กล่าวซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าเฟดจะไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนกว่าการซื้อสินทรัพย์จะหยุดลง

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ข้างต้นก็ไม่ได้หมายความว่าเฟดจะเปลี่ยนไปคุมเข้มนโยบายการเงินแบบสายเหยี่ยวแต่อย่างใด

ทั้งนี้ หลายฝ่ายต่างจับตาไปที่รายงานตัวเลขการจ้างงานในสหรัฐในวันศุกร์ที่จะถึงนี้ว่ามีความหลากหลายและระดับการจ้างงาน ซึ่งเป็นตัวชี้วัดการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่สำคัญสำหรับการปรับเปลี่ยนนโยบายใดๆ ของเฟด ว่าจะเป็นไปตามที่คาดหวังกันไว้หรือไม่ และที่ผ่านมา ความไม่ชอบมาพากลของธนาคารกลางเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จอย่างต่อเนื่องของสินทรัพย์เสี่ยง ซึ่งรวมถึงสกุลเงินดิจิทัลด้วย

Leave a comment

เกี่ยวกับ NewsFirstLine

สื่อชั้นนำด้านบล็อกเชนและคริปโตในภูมิภาคเอเชีย นำเสนอข่าวสารด้านเทคโนโลยีและการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลอย่างรอบด้านและเจาะลึก ครอบคลุมทั้งภูมิภาคเอเชียเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะสิงคโปร์และประเทศไทย

สมัครรับข่าวสารจาก SCN