fbpx
Skip to content Skip to footer

ทำไมบิทคอยน์ถึงทำหน้าที่เป็น Safe Haven ได้ไม่ดีเท่าทองคำ?

บิทคอยน์ ทองคำ

ท่ามกลางความตึงเครียดในภูมิภาคตะวันออกกลางระหว่างสหรัฐฯและอิหร่านในช่วงต้นปี 2020 ที่ผ่านมา ทำให้ราคาสินทรัพย์ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven) อย่าง ทองคำ ปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับ บิทคอยน์ โดยเฉพาะราคาซื้อขายในประเทศอิหร่านถีบตัวขึ้นไปถึงระดับ 24,000 เหรียญ 

หากนับเป็นเปอร์เซ็นต์ บิทคอยน์ ถือว่าปรับตัวขึ้นมากกว่าทองคำ โดยขึ้นไปกว่า 18% ในช่วงที่มีข่าว ขณะที่ ทองคำ ปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 9% และทันทีที่ข่าวการเกิดสงครามจางลงไป ราคาทองคำปรับตัวลดลงเกือบ 5% ส่วนบิทคอยน์ปรับตัวลงน้อยกว่า 

ที่ผ่านมา บิทคอยน์ ถูกเปรียบเทียบกับ ทองคำ ในฐานะสินทรัพย์ที่มีมูลค่าในตัวเอง (Store Of Value) จากเหตุการณ์ระหว่างสหรัฐฯและอิหร่านที่ผ่านมาอาจทำให้มองได้ว่าบิทคอยน์จะขึ้นมาเทียบเคียงกับทองคำในฐานะ Safe Haven (สินทรัพย์ที่มักจะขึ้นเมื่อเกิดข่าวร้ายเพื่อป้องกันความเสี่ยง) 

แต่แท้จริงแล้วบิทคอยน์ยังไม่สามารถทดแทนทองคำได้ด้วยเหตุผลต่อไปนี้

ยังไม่ได้รับการยอมรับทั่วโลกเท่าทองค

แม้ว่าบิทคอยน์จะสามารถโอนหากันได้รวดเร็วอย่างไม่มีพรมแดนและยังมีค่าธรรมเนียมที่ต่ำ อีกทั้งยังใช้แพลตฟอร์มเดียวกันนั่นคือบล็อกเชน แต่หากเทียบกับทองคำแล้ว ต้องยอมรับว่ายังได้รับการยอมรับทั่วโลกมากกว่าและยังมีการกำหนดมาตราฐานเดียวกันที่ชัดเจน แม้ว่าปัจจุบันจะมีร้านค้าที่รับชำระสินค้าและบริการด้วยบิทคอยน์จำนวนมากเช่นในประเทศญี่ปุ่น แต่ถ้าเทียบกับทองคำแล้วยังมีจำนวนน้อยกว่ามาก

บางประเทศหากมีการซื้อขายบิทคอยน์ด้วย Fiat Currency จะต้องอยู่ภายใต้กฎหมายของประเทศนั้นๆด้วยเช่นประเทศไทย ไม่นับการยอมรับจากนักลงทุนสถาบันที่ให้ค่ากับทองคำเป็นสินทรัพย์การลงทุนที่สำคัญ ต้องยอมรับว่านาทีนี้บิทคอยน์ยังไม่สามารถเทียบเคียงทองคำได้ในแง่ของการยอมรับจากทั่วโลก

ราคายังมีความผันผวนสูง

แม้ว่าทองคำซึ่งเป็นสินค้าโภคภัณฑ์อย่างหนึ่งจะมีความผันผวนของราคาในระดับสูง แต่ยังเทียบกับบิทคอยน์และเงินดิจิตอลอื่นๆไม่ได้ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะจำนวนผู้เล่นที่ถือครองบิทคอยน์เป็นนักลงทุนรายย่อยมากกว่ารายใหญ่หรือปลาวาฬ ทำให้ราคาแกว่งตัวค่อนข้างสูง ขณะที่ทองคำมีผู้ถือครองรายใหญ่ที่เป็นธนาคารกลางของแต่ละประเทศซึ่งจะไม่ซื้อขายบ่อยๆ ราคาจึงนิ่งมากกว่า

สาเหตุที่บิทคอยน์ยังไม่ได้รับการยอมรับให้เป็นสกุลเงินได้ก็เพราะความผันผวนของราคานี่เอง เป็นความเสี่ยงที่ผู้ถือครองต้องแบกรับ

เม็ดเงินก้อนใหญ่ยังไม่ได้ลงมา

หากเทียบกับสินทรัพย์ดั้งเดิมแล้ว บิทคอยน์ และเงินดิจิตอลสกุลอื่นๆยังมีขนาดเล็กมาก โดยทองคำมีมูลค่าตลาดหรือมาร์เกตแปคอยู่ที่ประมาณ 7.8 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่บิทคอยน์ยังมีขนาดเพียงแค่ 155,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งยังต่างกันมาก และยังห่างไกลจากมูลค่ารวมของปริมาณเงินทั่วทั้งโลกที่มีอยู่ 86 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ชัดเจนว่ากลุ่มคนที่ถือครองบิทคอยน์ยังเป็นคนจำนวนที่น้อยมาก

ดูข้อมูลมาร์เกตแคปของบิทคอยน์ได้ที่ www.coinmarketcap.com

อย่างไรก็ตาม บิทคอยน์ ยังมีศักยภาพที่จะขึ้นมาเทียบเคียงกับทองคำได้ในอนาคต หากยังคงความเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าในตัวเอง (Store Of Value) ไว้ได้ ในฝั่งซัพพลายหากมีปริมาณจำกัดที่ 21 ล้านหน่วยจริงก็ถือว่ามีคุณค่าในตัวเองพอสมควร

แต่ฝั่งดีมานด์หรือความต้องการ ต้องพิสูจน์กันต่อไปว่าบิทคอยน์จะเป็นที่ยอมรับในวงกว้างจากคนทั้งโลกได้หรือไม่

บทความอื่นที่เกี่ยวข้อง : สงครามอิหร่านอาจนำทองคำทำนิวไฮแต่ยังไม่ใช่เวลาของบิทคอยน์

Leave a comment

เกี่ยวกับ NewsFirstLine

สื่อชั้นนำด้านบล็อกเชนและคริปโตในภูมิภาคเอเชีย นำเสนอข่าวสารด้านเทคโนโลยีและการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลอย่างรอบด้านและเจาะลึก ครอบคลุมทั้งภูมิภาคเอเชียเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะสิงคโปร์และประเทศไทย

สมัครรับข่าวสารจาก SCN