fbpx
Skip to content Skip to footer

ธนาคารกลางจีน ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนในการออกพันธบัตร

ธนาคารกลางจีน ได้ออกพันธบัตรพิเศษมูลค่ารวม 20,000 ล้านหยวน โดยมีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นให้เกิดการระดมทุนในภาคธุรกิจและองค์กรขนาดเล็ก โดยมีการเก็บข้อมูลทางธุรกรรมของธนาคารภายในประเทศจีน พบว่าภายในปีนี้มีการกู้ยืมไปแล้วกว่า 404 พันล้านหยวน เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับปีก่อนหน้าจะพบว่ามีการเติบโตในการกู้ยืมเพิ่มขึ้นถึง 35.36% ซึ่งคิดเป็นจำนวนได้ 410,000 ผู้ประกอบการโดยประมาณ

การออกพันธบัตรในครั้งนี้มีเป้าหมายที่เจาะจงไปที่ตลาดภายในประเทศ โดยที่ธนาคารกลางได้นำเทคโนโลยีบล็อกเชนเข้ามาช่วยในการบริหารและจัดการพันธบัตรเหล่านี้ โดยมีอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 3.25% ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่สร้างความตื่นตัวให้กับระบบจัดการที่นำนวัตกรรมเข้ามาปรับใช้เพื่ออำนวยความสะดวก ลดระยะเวลาในการทำธุรกรรมและต้นทุนในการดำเนินงาน 

Lin le CEO ของ Energy Blockchain Labs ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า

ในการออกพันธบัตรและระยะเวลาในการจัดการนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นในการควบคุมข้อมูลและเงินทุนให้มีความเหมาะสมข้อมูลในการออกพันธบัตรที่ถูกบันทึกไว้บนบล็อกเชนมีความโปร่งใสและเปิดเภยเฉพาะส่วนที่ปลอดภัยทุกการดำเนินการจะอยู่ภายใต้การควบคุมของสัญญา Smart Contract ที่เชื่อมต่อเข้ากับระบบดังกล่าวได้ทำให้การออกพันธบัตรในครั้งนี้จะมีการทำงานร่วมกับสกุลเงินดิจิทัลที่สามารถวิเคราะห์และคาดการณ์ได้

เป็นระยะเวลาหลายปีที่ บล็อกเชน และ สกุลเงินดิจิตอล ได้ถูกห้ามดำเนินกิจการใดๆที่เกี่ยวข้องซึ่งเป็นผลมาจากกฏ zero-tolerance playbook ทำให้เหรียญ บิทคอยน์(BTC) และสกุลเงินอื่นๆ รวมทั้ง ICO ถูกสั่งห้ามดำเนินการทั้งหมดและดูเหมือนจะเป็นจุดจบของบล็อกเชนและคริปโตเคอเรนซี่ของประเทศจีน

จนกระทั่งภายในปี 2019 มีการเปลื่ยนแปลงเกิดขึ้น โดยรัฐบาลจีนเริ่มอนุญาตให้ดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับ บล็อกเชน และคริปโตเคอเรนซี่แล้ว โดยให้เหตุผลในการสั่งห้ามในอดีตใว้ว่า เพื่อจะได้พิจารณาอย่างรอบคอบถึงประโยชน์และความเสี่ยงต่างๆที่จะตามมาจากการดำเนินการ ซึ่งในปีนี้เราจะได้เห็นทั้งการเปิดตัวระบบการออกพันธบัตรที่อยู่บนระบบบล็อกเชน และการออกสกุลเงินดิจิตอลของธนาคารกลาง (CBDC)

แม้ว่าการนำบล็อกเชนและเทคโนโลยีต่างๆเข้ามาช่วยในการบริหารจัดการจะดูขัดแย้งกับแนวทางการดำเนินงานของจีนในอดีต แต่ก็ยังคงมีความสอดคล้องกับแผนกลยุทธ์ที่ดำเนินการอยู่ รวมทั้งการพิจารณาถึงข้อดีข้อเสียของการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ แต่ปัจจัยเหล่านี้ก็ทำให้ประเทศจีนเป็นหนึ่งในตลาดคริปโตเคอเรนซี่
ที่ใหญ่ติดอันดับโลกไม่น้อยหน้าใครเช่นกัน

ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง : ธนาคารแห่งประชาชนจีน เผยเงินดิจิทัลหยวนจะไม่สามารถใช้เก็งกำไรได้

Leave a comment

เกี่ยวกับ NewsFirstLine

สื่อชั้นนำด้านบล็อกเชนและคริปโตในภูมิภาคเอเชีย นำเสนอข่าวสารด้านเทคโนโลยีและการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลอย่างรอบด้านและเจาะลึก ครอบคลุมทั้งภูมิภาคเอเชียเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะสิงคโปร์และประเทศไทย

สมัครรับข่าวสารจาก SCN