รายงานจาก Crypto Fund Research ระบุว่า กองทุนเฮดจ์ฟันด์ที่เกี่ยวกับสกุลเงินดิจิตอลเกือบ 70 แห่ง ซึ่งส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับนักลงทุนสถาบัน เช่น Pension Fund และ Family Office ต้องปิดตัวลงในปีนี้ ขณะที่กองทุนที่เปิดตัวใหม่ในปีนี้ยังคงมีจำนวนน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนกองทุนที่เปิดตัวไปในปี 2018
รายงานของ Bloomberg เผยว่า จำนวนกองทุนในอเมริกาเหนือที่ต้องปิดตัวลงไปทั้งสิ้นมากถึง 28 แห่ง ตามมาด้วยยุโรป 23 แห่ง เอเชียแปซิฟิก 14 แห่ง และอื่นๆ อีก 3 แห่ง
Nic Carter ผู้ร่วมก่อตั้ง Coin Metrics ได้เปิดเผยในรายงานดังกล่าวว่า ลักษณะธรรมชาติความผันผวนของบิทคอยน์และสกุลเงินดิจิตอลอื่นๆ ทำให้นักลงทุนสถาบันทั้งหลายแทบไปไม่เป็น ตลาดได้ถูกผลักดันโดยนักลงทุนรายย่อย และในอนาคตก็จะยังคงเป็นเช่นนั้นต่อไป
จากรายงานของทางเว็บไซต์ Crypto Fund Research ระบุว่า ในปัจจุบันมีกองทุนสกุลเงินดิจิตอล จำนวนทั้งสิ้นประมาณ 804 แห่ง โดยแบ่งเป็นกองทุนเฮดจ์ฟันด์จำนวน 355 กองทุนและเป็นกองทุนประเภท venture capital funds จำนวน 425 กองทุน โดยกองทุนสกุลเงินดิจิตอล 5 อันดับแรก ได้แก่ Arrington XRP, BlockTower Capital, Brian Kelly Capital Management, Digital Currency Group และ Fenbushi Capital
Spencer Bogart หุ้นส่วนของ Blockchain Capital มองว่า การที่สถาบันสำหรับบิทคอยน์หรือสกุลเงินดิจิตอลที่เพิ่งมีอายุเพียง 10 ปีได้รับการยอมรับนั้น ถือเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ และเกินกว่าที่จะจินตนาการถึงได้เมื่อ 3-4 ปีก่อน
ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง : Fidelity Investments เปิดให้บริการดูแลสินทรัพย์ดิจิทัล
