fbpx
Skip to content Skip to sidebar Skip to footer

การปราบปรามของจีนไม่สามารถทำร้าย Bitcoin ได้ ใช่หรือไม่?

 

  • การขาย Bitcoin ออกไปส่วนใหญ่เป็นอาการออกจากตลาดแบบกว้าง ๆ ในช่วงฤดูร้อน
  • การเคลื่อนไหวของชาวจีนจะทำลายความสมบูรณ์ของ Bitcoin blockchain เพียงเล็กน้อย แต่การขาดความเข้าใจในเทคโนโลยี blockchain จะยังคงกระตุ้นให้เกิดการขาย Bitcoin

 

โดยทั่วไปแล้ว วันหยุดสุดสัปดาห์เป็นช่วงเวลาที่น่ากังวลสำหรับนักลงทุนสกุลเงินดิจิทัล และสุดสัปดาห์นี้ดูเหมือนจะไม่แตกต่างกัน โดย Bitcoin เผชิญกับแรงกดดันจากคำเตือนใหม่ของเจ้าหน้าที่จีนเกี่ยวกับการปราบปรามคริปโตเคอร์เรนซี

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา สภาแห่งรัฐจีนได้ย้ำการเรียกร้องให้ลดการขุดและการซื้อขาย Bitcoin ขณะที่อีกฟากหนึ่ง รัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ แนะนำให้เก็บภาษีการทำธุรกรรม cryptocurrency ที่มีมูลค่ามากกว่า 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ

สองกรณีข้างต้นทำให้เกิดการเทขายของสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการขาดความรู้และความเข้าใจที่นักลงทุนโดยทั่วไปมีต่อประเภทสินทรัพย์ดิจิทัลที่เพิ่งเริ่มตั้งไข่นี้

ทั้งนี้ จีนมีคำสั่งห้ามการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลตั้งแต่ปี 2017แต่ทว่าชาวจีนยังเป็นผู้เทรดเงินดิจิทัลรายใหญ่ที่สุดในโลกและดำเนินการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลกแม้จะอยู่ในต่างประเทศก็ตาม

การข่มขู่คุกคามเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลโดยรัฐบาลกรุงปักกิ่งไม่ใช่เรื่องใหม่ และดูจะไม่ค่อยมีผลสักเท่าไร เพราะแม้แต่นักขุด cryptocurrency ในประเทศจีนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคตะวันตก ได้ทำการซื้อขายแลกเปลี่ยนอย่างลับๆ และมีการติดสินบนเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นในที่ที่พวกเขาต้องดำเนินการอย่างลับๆ

แม้รัฐบาลกรุงปักกิ่งจะปราบปรามการขุด Bitcoin แต่ทั้งหมดจะส่งผลให้เกิดการลดลงของแฮชเรท (การวัดพลังการคำนวณที่ใช้ในการขุด Bitcoin) รวมถึงลดความยากของ Bitcoin (การวัดความยากในการรักษาความปลอดภัย Bitcoin blockchain เพื่อรักษารางวัลการขุด) ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะไม่ส่งผลต่อความสามารถในการทำงานของ Bitcoin

หากไม่มีปัจจัยอะไรอื่น การปราบปราม Bitcoin ในประเทศจีนจะเพิ่มความต้องการ Bitcoin ของชาวจีน (สิ่งที่ต้องห้ามมักกลายเป็นสิ่งที่ต้องการมากที่สุด) และทำหน้าที่ทดสอบความเครียดเกี่ยวกับมูลค่าพื้นฐานของ Bitcoin ซึ่งเป็นความสามารถในการดำเนินงานต่อไปโดยไม่คำนึงถึง การแทรกแซงของรัฐบาล

ทั้งนี้ รัฐบาลจีนไม่ใคร่ชื่นชอบการไม่เปิดเผยตัวตนของ Bitcoin และสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ มานาน ทั้งยังเตือนหลายครั้งไม่ให้สถาบันการเงินเข้าไปเกี่ยวข้องกับบริการรับชำระเงินด้วยดิจิทัล

กระนั้น จีนก็ยังเป็นที่ตั้งของนักขุด cryptocurrency ที่ใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งมีการบริโภคพลังงานจำนวนมหาศาลจากโรงไฟฟ้าถ่านหินในภูมิภาคตะวันตกของประเทศ

การขุดคริปโตที่กอบโกยพลังงานข้างต้น สวนทางกับรัฐบาลที่ต้องการควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศ โดยเจ้าหน้าที่ระดับท้องถิ่นและระดับจังหวัดในภาคตะวันตกของจีนซึ่งอุดมไปด้วยถ่านหินต่างก็ต้องการรายได้จากการผลิตไฟฟ้าเพื่อเติมเงินกองทุนของพวกเขาและการบังคับใช้เพื่อควบคุมการปล่อยก๊าซมักเป็นละครทางการเมืองมากกว่าการรักษาสิ่งแวดล้อมที่แท้จริง

โดยไม่ใช่ว่าเจ้าหน้าที่ระดับจังหวัดและระดับท้องถิ่นในภูมิภาค เช่น ซินเจียงและมองโกเลียใน จะไม่รู้ว่าสถานที่ขุดคริปโตเคอเรนซีอยู่ที่ไหน ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขารู้ว่ากิจกรรมทางอุตสาหกรรมเหล่านี้มีส่วนช่วยสร้างรายได้มากเพียงใดและไม่เต็มใจที่จะปิดตัวลง

Bitcoin ได้รับการออกแบบมาเพื่อสิ่งนี้ หรือพูดให้เข้าใจง่ายขึ้น Bitcoin ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้แม้ว่าโหนดการขุดจำนวนมากจะถูกออฟไลน์ แต่การกระจายอำนาจจะช่วยให้เครือข่ายอยู่รอดได้ และความยากของ Bitcoin จะปรับตัวลงและโหนดอื่น ๆ จะเข้ามาแทนที่โหนดที่ถูกยึดไปลง.

คิดเสียว่าเป็นความซ้ำซ้อน

ตอนนี้ หากนักลงทุนเข้าใจว่า Bitcoin blockchain ทำงานอย่างไร ก็จะไม่มีภัยคุกคามจากรัฐบาลใด ๆ ที่จะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อความสามารถของ Bitcoin ในการทำสิ่งที่ถูกออกแบบมาให้ทำอย่างแม่นยำ

ส่วนในกรณีที่การแทรกแซงจะส่งผลกระทบก็คือการทำให้การแลกเปลี่ยนสกุลเงิน fiat เป็นคริปโตเคอเรนซีเป็นเรื่องยาก แต่ก็ดังที่ได้แสดงให้เห็นในทศวรรษที่ผ่านมาว่าเมื่อมีความมุ่งมั่นเพียงพอที่จะทำ ก็จะประสบความสำเร็จได้เช่นกัน

 

Leave a comment

เกี่ยวกับ NewsFirstLine

สื่อชั้นนำด้านบล็อกเชนและคริปโตในภูมิภาคเอเชีย นำเสนอข่าวสารด้านเทคโนโลยีและการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลอย่างรอบด้านและเจาะลึก ครอบคลุมทั้งภูมิภาคเอเชียเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะสิงคโปร์และประเทศไทย

สมัครรับข่าวสารจาก SCN