fbpx
Skip to content Skip to sidebar Skip to footer

จีนวางแผนงบประมาณ 1.4 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อก้าวข้ามสหรัฐฯในด้านของเทคโนโลยีภายใน 6 ปี !!

ผู้แต่ง: World Maker

รายงานจากสำนักข่าว Bloomberg ระบุว่าจีนกำลังเร่งพัฒนาศักยภาพความเป็นผู้นำทั่วโลก และกุญแจสำคัญที่จะทำให้เรื่องนี้สำเร็จก็คือ “เทคโนโลยี” โดยมีการเปิดเผยถึงแผนการที่มีงบประมาณถึง 1.4 ล้านล้านดอลลาร์ สำหรับอุตสาหกรรมด้านการพัฒนา Wireless Networks และ A.I. โดยเฉพาะ

แผนหลักของ Xi Jinping ก็คือรัฐบาลจีนจะลงทุนในภาคท้องถิ่นและบริษัทเอกชนยักษ์ใหญ่ อย่างเช่น Huawei เป็นระยะเวลา 6 ปี ซึ่งมีมูลค่ารวมประมาณ 1.4 ล้านล้านดอลลาร์ และจะยาวนานไปจนถึงปี 2025

โดยรายละเอียดเบื้องต้นเท่าที่ทราบตอนนี้คือ

(1.) จะมีการปรับเปลี่ยนระบบเครือข่ายไร้สายทั้งหมดไปเป็นรุ่นที่ 5 หรือที่บ้านเราเรียกกันว่า 5G นั่นเอง
(2.) เร่งพัฒนา A.I. Software ที่จะสนับสนุนระบบรถยนต์ขับขี่แบบอัตโนมัติไปยังศูนย์ควบคุมอัตโนมัติ รวมถึงระบบด้านความปลอดภัยจำนวนมาก

Comment : ข้อที่ 2 ถือว่าน่าสนใจมากเลยทีเดียวครับ เพราะ World Maker คิดว่านี่จะเป็น Digital Disruption ครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรมแรงงานมนุษย์อย่างแท้จริงครับ และแน่นอนว่ามนุษย์จะต้องปรับตัวครั้งใหญ่เลยทีเดียว

ลองคิดต่อไปดูครับ ว่าหากเทคโนโลยีนี้พัฒนาไปจนถึงจุดที่พร้อมใช้งาน พวกมันจะสามารถเข้ามาแทนที่แรงงานมนุษย์ได้กี่ร้อยล้านตำแหน่งทั่วโลก

digital disruption

โดยแผนการนี้คาดว่าจะให้ Alibaba และ Huawei เข้าร่วมกับ SenseTime Group ซึ่งเป็นบริษัท Startup ทางด้าน A.I. ที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก

Comment : พอจะเห็นภาพไหมครับว่าหากทุกอย่างเป็นไปตามนี้จริง นี่จะเป็นการรวมศักยภาพทางด้านโลจิสติกส์และ A.I ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โลกเลยทีเดียว และดูเหมือนว่าจีนจะไม่ได้มาเล่น ๆ ซะแล้ว

“Nothing like this has happened before”

(ไม่เคยมีอะไรแบบนี้เกิดขึ้นมาก่อนบนโลก)

“This is China’s gambit to win the global tech race”

(นี่คือกลยุทธ์ของจีนในการเอาชนะการแข่งขันทางด้านเทคโนโลยีทั่วโลก)

คำพูดด้านบนนี้ถูกกล่าวออกมาโดย Maria Kwok ประธานฝ่ายปฏิบัติการของบริษัท Digital China Holdings ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำของจีนที่ติดตามและวิจัยเกี่ยวกับ Big Data , IoT และ A.I.

แผนการล่าสุดนี้ เห็นได้ชัดว่าจีนมีความจริงจังและรีบเร่งในพัฒนาอย่างสุดความสามารถ โดยคาดว่าจะอนุมัติงบประมาณจำนวน 5.63 แสนล้านดอลลาร์ภายในปีนี้ แม้ว่าเศรษฐกิจของจีนจะทรุดตัวลงอย่างรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ยุคลัทธิเหมา (1949-1976)

ผู้ให้บริการด้าน Cloud Computing และ Data Analysis ที่ใหญ่ที่สุดของจีนอย่าง Alibaba และ Tencent ก็จะมีการเชื่อมโยงเครือข่ายกัน และได้มอบหมายให้ Huawei เป็นผู้พัฒนาระบบ 5G อย่างสุดความสามารถ

5g

ณ ปัจจุบันนี้ ในบางจังหวัดของจีนได้มีการปรับเปลี่ยนระบบการเงินหลายอย่างเป็นรูปแบบ Digital ทั้งหมด โดยมีการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์อย่างเช่นบ้าน ผ่านระบบ Online ซึ่งหากประชาชนคนใดต้องการจะซื้อหรือเช่าบ้าน ก็เพียงแค่เปิด Application ขึ้นมา สแกนหน้า แล้วก็ยืนยันตัวตน

โดยขั้นตอนทั้งหมดในการซื้อขายจะกระทำผ่านระบบ Digital ในมือถือเท่านั้น ซึ่งหากลูกหนี้คนไหนจ่ายเงินช้า ระบบก็จะวางสถานะพิเศษไว้โดยอัตโนมัติ และในอนาคตคาดว่าจะพัฒนาไปจนถึงขั้นที่ระบบสามารถหักชำระเงินได้เองโดยอัตโนมัติ

คาดการณ์จาก Morgan Stanley ระบุว่าโครงการนี้ของจีนจะใช้งบประมาณถึง 1.8 แสนล้านดอลลาร์ในทุก ๆ ปี ไปจนถึงอีก 11 ปีข้างหน้า ซึ่งจะรวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 1.98 ล้านล้านดอลลาร์

การคำนวณดังกล่าวได้คิดรวมถึงปัจจัยทางด้านพลังงานและโครงการรถไฟความเร็วสูงของจีน โดยจะแสดงให้เห็นดังภาพด้านล่างนี้

wiring china

ยิ่งไปกว่านั้น Tony Yu ซึ่งเป็น CEO ของบริษัท UBS Group AG ยักษ์ใหญ่ทางด้านการเงินในระดับโลก (ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 1862) ได้ออกมากล่าวว่าบริษัทของเขากำลังต้องการฐานข้อมูลที่เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก

นอกจากนี้ได้กล่าวอย่างชัดเจนว่าบริษัทของเขาจะเข้าไปลงทุนในเศรษฐกิจของจีน หลังจากที่การระบาดได้ผ่านพ้นไป

การคำนวณจาก Bain Capital ซึ่งเป็นบริษัทที่จัดการฐานข้อมูลให้กับกลุ่มบริษัทของจีนอีกทีหนึ่ง กล่าวว่า

“ทุก ๆ เงินจำนวน 1 ดอลลาร์ที่ใช้ไปกับการจัดการทางด้านข้อมูล จะทำให้เกิดเงินอีก 5-10 ดอลลาร์ ไหลเข้าสู่ตลาดในภาคส่วนอื่น ๆ ที่คล้ายกันอย่างเช่น Networking และ Advanced Equipment โดยบริษัทใน Supply Chain ของจีนทั้งหมดจะได้รับผลประโยชน์”

ขณะเดียวกัน จีนก็ได้ใช้กลยุทธ์ที่น่าดึงดูดใจอย่างมาก โดยได้ประกาศโครงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานใหม่ของประเทศ ซึ่งกำลังจะเปิดตัวทั่วประเทศในเร็ว ๆ นี้

china infrastructure

Comment : หากเรามองภาพรวมในปัจจุบัน ก็จะเห็นได้ว่าตอนนี้จีนกำลังทำสงครามเย็นอยู่กับสหรัฐฯ ใน 5 ปัจจัยหลัก ๆ คือ

(1.) ทางด้านการค้า
(2.) ทางด้านไต้หวันและฮ่องกง
(3.) ทางด้านเทคโนโลยี
(4.) ที่มาของ Coronavirus
(5.) ความสัมพันธ์ทางด้านการเงิน

ซึ่งหากลองสังเกตดูดี ๆ ก็จะเห็นได้ว่า “นอกจากเรื่องไต้หวันและฮ่องกงแล้วนั้น ทุกสงครามที่จีนและสหรัฐฯ กำลังดำเนินอยู่ จะส่งผลกระทบและทำให้เกิดความเปลี่นแปลงขึ้นทั่วโลก

นอกจากนี้ ท่าทีที่แข็งก้าวขึ้นอย่างชัดเจนต่อสหรัฐฯ ของจีน รัสเซีย อิหร่าน หรือแม้แต่เวเนซุเอลาในปัจจุบัน ก็แทบจะกล่าวได้ว่า “ไม่ยอมอีกต่อไป”

สิ่งที่น่าสนใจมาก ๆ อีกอย่างก็คือ

“แผนการนี้ของจีน ได้เป็นการประกาศจุดยืนอย่างชัดเจนแล้วว่าจีนจะก้าวนำสหรัฐฯ ในด้านเทคโนโลยี ภายในอีกไม่เกิน 6 ปีข้างหน้า”

ดังนั้นแล้วต้องติดตามกันต่อไปครับ ว่าโลกเราในอีก 10 ปีข้างหน้าจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อะไรเกิดขึ้นอีกบ้าง พลาดไม่ได้เลยทีเดียวครับ

การกดไลค์ กดแชร์ กดติดตาม และการติชมในเชิงสร้างสรรค์ของคุณ เป็นกำลังใจให้เราและเหล่าอาชีพนักเขียนทุกคนในการพัฒนาผลงานให้ดียิ่งขึ้นต่อไป ขอเชิญทุกท่านร่วมสร้างสังคมการเรียนรู้ที่ดีด้วยกันกับเรา

References :

1.https://www.bloomberg.com/news/articles/2020-05-20/china-has-a-new-1-4-trillion-plan-to-overtake-the-u-s-in-tech
2.https://www.bloomberg.com/news/articles/2020-05-21/five-flashpoints-to-watch-as-u-s-china-relations-worsen?srnd=premium-asia


Leave a comment

เกี่ยวกับ NewsFirstLine

สื่อชั้นนำด้านบล็อกเชนและคริปโตในภูมิภาคเอเชีย นำเสนอข่าวสารด้านเทคโนโลยีและการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลอย่างรอบด้านและเจาะลึก ครอบคลุมทั้งภูมิภาคเอเชียเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะสิงคโปร์และประเทศไทย

สมัครรับข่าวสารจาก SCN