- ภาวะตลาดกระทิงของตลาดหุ้นสหรัฐโดยเฉลี่ยมีอายุ 3.8 ปีตามข้อมูลย้อนหลังไปถึงปี 1932 โดยยาวนานที่สุดระหว่างปี 2009-2020 โดยตลาดกระทิงระบุว่ามีหุ้นเพิ่มขึ้น 20%
- แต่เมื่อมองย้อนกลับไปเมื่อเราเข้าใกล้ครบรอบ 2 ปีนับตั้งแต่ช่วงที่ไวรัสโควิด-19ระบาดในระดับต่ำสุด นักลงทุนบางคนก็เข้าใจดีว่านี่ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมที่จะเอาเงินออกจากการลงทุน
ในวันครบรอบ 2 ปีนับตั้งแต่จุดต่ำสุดของความผิดพลาดของตลาดหุ้นที่เกิดจากโคโรนาไวรัสในปี 2020 นักวิเคราะห์จะถูกแบ่งแยกตามประเภทของตลาดที่เราอยู่ เช่น ระดับกลาง ระดับตลาดกระทิง ช่วงต้น ตลาดหมีช่วงต้น หรือช่วงrangebound? (ตลาดจำกัดช่วงขอบเขต(Range-bound market) ซึ่งเป็นตลาดที่ราคากระโดดอยู่ระหว่างช่วงราคาที่สูงและต่ำ)
ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณถามคำถามดังกล่าวกับใคร ตลาดกระทิงอาจเพิ่งเริ่มต้นหรือผ่านไปแล้ว และมันก็ไม่ถูกต้องทั้งหมด
เพื่อความชัวร์ ภาวะตลาดกระทิงของตลาดหุ้นสหรัฐโดยเฉลี่ยมีอายุ 3.8 ปีตามข้อมูลย้อนหลังไปถึงปี 1932 โดยยาวนานที่สุดระหว่างปี 2009-2020 โดยตลาดกระทิงระบุว่ามีหุ้นเพิ่มขึ้น 20%
แล้วอะไรล่ะที่เปลี่ยนไป?
จำกันได้ไหมว่าในปี 2009 เป็นช่วงที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เสนอแนวคิดเรื่อง “การผ่อนคลายเชิงปริมาณ” – การซื้อสินทรัพย์ เช่น กระทรวงการคลังสหรัฐและหลักทรัพย์ค้ำประกัน
หลังจากเอาชนะ “อันตรายทางศีลธรรม” นั้นหลังจากวิกฤตการณ์ทางการเงินในปี 2008 เฟดซึ่งเป็นหน่วยงานเดียวที่ได้รับใบอนุญาตในการสร้างเงินจากอากาศ ได้ไปเพื่อสนับสนุนกองทุนรวมตลาดเงินและซื้อพันธบัตรของ บริษัทที่ใหญ่ที่สุดของอเมริกาบางแห่ง
นั่นหมายถึงว่า Fed “ใส่” หมายความว่าราคาสินทรัพย์มีจนถึงการแพร่ระบาด เพิ่มขึ้นอย่างไม่ลดละ
และแม้ว่าการแพร่ระบาดครั้งใหญ่ทำให้ตลาดต้องปรับตัวลดลง แต่เฟดก็พร้อมที่จะท่วมตลาดด้วยสภาพคล่องและการซื้อ ซึ่งนับแต่นั้นเป็นต้นมาราคาสินทรัพย์พุ่งสูงขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อจากภาวะโรคระบาดที่ต่ำ
แต่เมื่อมองย้อนกลับไปเมื่อเราเข้าใกล้ครบรอบ 2 ปีนับตั้งแต่ช่วงที่ไวรัสโควิด-19ระบาดในระดับต่ำสุด นักลงทุนบางคนก็เข้าใจดีว่านี่ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมที่จะเอาเงินออกจากการลงทุน
มีบางคนที่เชื่อว่าสภาวะตลาดในปัจจุบันของเราเป็นเพียงความต่อเนื่องของตลาดกระทิงแบบฆราวาสซึ่งเริ่มในปี 2009 และเนื่องจากตลาดกระทิงแบบฆราวาสมีแนวโน้มที่จะมีอายุระหว่าง 15 – 20 ปี ตลาดนี้ยังมีอีกหลายขาที่จะวิ่งไป
ทั้งนี้ รายได้ของบริษัทอเมริกันยังคงแข็งแกร่ง และผู้คนก็ไม่กลัวที่จะเสียชีวิตจากการระบาดใหญ่ที่ไม่รู้จักโดยไม่มีวัคซีน
ขณะที่ การออมยังสูงกว่าในปัจจุบันมากในช่วงวิกฤตการเงินปี 2008 โดยครัวเรือนอเมริกันกลายเป็นแหล่งซื้อกิจกรรมในตลาดหุ้นมากขึ้น
โดยปกติ เลเวอเรจที่สูงและการออมต่ำอาจทำให้สภาพคล่องถูกชะล้างออกจากระบบและตลาดกระทิงจะสิ้นสุดลงอย่างกะทันหัน
ขณะเดียวกัน ก็มีคนแนะนำว่า ตลาดกำลังเข้าสู่แดนหมีโดยที่ไม่รู้ตัว โดยอ้างว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ดูเหมือนจะล่าช้าในวงจรการขยายตัว โดย GDP และรายได้ที่ชะลอตัว อัตราเงินเฟ้อกำลังร้อนแรง และนโยบายของเฟดที่เข้มงวดขึ้น
แน่นอน แต่ข้อสันนิษฐานนั้นถือว่าเฟดจะเสี่ยงต่อภาวะถดถอยและไม่กลับนโยบาย
ทิศทางนโยบายใหม่ของ เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เรื่อง “ความคล่องแคล่ว” แสดงให้เห็นว่าธนาคารกลางยังคงพร้อมไขก๊อกหากตลาดขาดสภาพคล่อง
การติดชื่อตีตราตลาดอาจมีค่าน้อยกว่าการพิจารณาว่านักลงทุนแต่ละรายอยู่ในตลาดใด ไม่ว่าจะเป็นค่าเฉลี่ยของต้นทุนดอลลาร์ที่ลดลง หรือถือไว้ในระยะยาว ข้อพิจารณาเหล่านี้มีความเกี่ยวข้องมากกว่าในระดับบุคคลมาก
ตลาดตอนนี้ก็เข้าข่ายแบบที่ว่ากันว่า วัวทำเงิน หมีทำเงิน แต่หมูถูกเชือด
