fbpx
Skip to content Skip to footer

ตลาดหุ้นกระทิงเปลี่ยว บิทคอยน์ยังจำเป็นอยู่ไหม??

ตลาดหุ้น สหรัฐฯทั้งสามตลาดเมื่อคืนที่ผ่านมาปรับตัวขึ้นแรงจากการเปิดเผยตัวเลข การจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 2.5 ล้านตำแหน่งในเดือนพ.ค. สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าการจ้างงานจะลดลง 8.33 ล้านตำแหน่ง

นอกจากนี้ อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 13.3% ในเดือนพ.ค. สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะพุ่งขึ้นสู่ระดับ 19.5% 

ดัชนี Dow Jones พุ่งกว่า 829.1 จุด หรือ 3.15%,S&P500 พุ่งกว่า 2.62% ขณะที่ NASDAQ พุ่ง 198.2 จุด 2.06% สร้างจุดสูงสุดใหม่ได้สำเร็จโดยยืนเหนือจุดสูงสุดเดิมก่อนที่จะเกิดวิกฤติโควิด-19 

การพุ่งขึ้นของตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในเดือนพ.ค. ถือเป็นการทำสถิติการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นมากที่สุดภายในเดือนเดียวในประวัติศาสตร์สหรัฐในรอบ 81 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2482

ทั้งที่เมื่อเดือนที่แล้ว กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรดิ่งลง 20.5 ล้านตำแหน่งในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นตัวเลขการจ้างงานที่ย่ำแย่ที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ 

ส่วนอัตราการว่างงานพุ่งขึ้นสู่ระดับ 14.7% ซึ่งสูงกว่าระดับ 10.8% ซึ่งเป็นอัตราการว่างงานสูงสุดในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2

ตัวเลขการจ้างงานที่ดีกว่าคาดในวันนี้ ได้แรงหนุนจากการที่รัฐบาลสหรัฐเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ซึ่งทำให้ภาคธุรกิจกลับมาเปิดกิจการ และทำการจ้างงานครั้งใหม่ หลังจากที่มีการปลดพนักงานจำนวนมากในช่วงที่มีการบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้น ขึ้นมาอย่างรวดเร็วทั่วโลกในครั้งนี้เป็นผลมาจากการทำคิวอีอย่างไม่จำกัด ทำให้สภาพคล่องส่วนเกินเข้ามาเก็งกำไรในตลาดหุ้น สวนทางกับภาคเศรษฐกิจจริงที่ยังไม่เห็นภาพการฟื้นตัว

ปรากฎการณ์ที่ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้นในช่วงที่ผ่านมาเป็นผลมาจากสภาพคล่องที่เกิดขึ้นจากการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบของธนาคารกลางใหญ่ของโลกโดยเฉพาะธนาคารกลางสหรัฐ ซึ่งเม็ดเงินที่เกิดจากการทำคิวอีได้ทำให้งบดุลของรัฐบาลกลางสหรัฐฯพุ่งสูงขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์

งบดุลของรับบาลสหรัฐฯพุ่งแตะ 7ล้านล้านดอลลาร์ ที่สำคัญคือมันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วภายในเวลาเพียงแค่สองเดือนหลังจากสหรัฐฯประกาศอัดฉีดเงินแบบไม่มีจำกัด

เรียกได้ว่าการอัดฉีดเงินครั้งนี้มีปริมาณเทียบเท่ากับเม็ดเงินที่เกิดขึ้นจากการทำคิวอีทั้งสามครั้งในอดีต แต่นี่เกิดขึ้นภายในเวลาเพียงแค่สองเดือนนิดๆเท่านั้น

ทั้งนี้ตลาด NASDAQ ซึ่งเป็นตลาดของบริษัททางด้านเทคโนโลยีที่ไม่เพียงแต่กลับมาอยู่ในระดับเดิมก่อนเกิดวิกฤติแต่ได้ทำนิวไฮใหม่ไปเรียบร้อยแล้ว โดยเป็นการฟื้นตัวแบบ V Shape ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Dow Jones ก็เริ่มฟื้นตัวกลับมาใกล้เคียงกับระดับเดิมก่อนเกิดวิกฤติเช่นกัน

สาเหตุที่ตลาดหุ้นรวมถึงราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นสวนทางกับภาพรวมของเศรษฐกิจจริงเป็นเพราะสภาพคล่องที่มีอยู่ล้นทั่วโลกจากการอัดฉีดสภาพคล่องประกอบกับแนวโน้มดอกเบี้ยที่เป็นขาลงและบางประเทศติดลบ ทำให้สภาพคล่องส่วนเกินต้องมองหาสินทรัพย์ในการลงทุนจึงเข้ามาเก็งกำไรในตลาดหุ้น 

อีกทั้งเงินเฟ้อที่เริ่มฟื้นตัวและอัตราการว่างงานที่เริ่มชะลอตัวลง ยิ่งเป็นการส่งสัญญาณชัดเจนว่าการทำคิวอีเป็นเครื่องมือที่ได้ผล อย่างไรก็ตามการที่ตลาดหุ้นขึ้นมารอบนี้เป็นผลจากสภาพคล่องและความเชื่อมั่นเท่านั้น แทบจะไม่มีเหตุผลทางด้านปัจจัยพื้นฐานของภาคเศรษฐกิจจริงเท่าใดนัก 

นอกจากนี้การที่ The Economist สื่อเศรษฐกิจชั้นนำของโลกได้ให้ความเห็นว่าตอนนี้ Wall Street และ Main Street หรือภาคการเงินและภาคเศรษฐกิจจริง ได้ถูกแยกออกจากกันเป็นครั้งแรกในประวัติศาตร์ เป็นการชี้ชัดว่า ตลาดหุ้น ที่ขึ้นมาในรอบนี้มาจากสภาพคล่องที่ล้นอย่างแท้จริง

อย่างไรก็ตาม สภาพคล่องส่วนเกินที่ออกมาจากการทำคิวอีจะทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อซึ่งทองคำรวมถึงสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างบิทคอยน์จะสามารถให้ผลตอบแทนการลงทุนที่ดี 

แนวโน้มราคาบิทคอยน์ยังคงเคลื่อนไหวไซด์เวย์ แนวรับเส้นเทรนด์ไลน์ยังทำหน้าที่เป็นแนวรับได้ดี แนวรับของบิทคอยน์อยู่ที่ 9,000 ดอลลาร์ และไม่ควรที่จะหลุดระดับ 8,000 ดอลลาร์ เพราะจะเสียแนวโน้มไซด์เวย์ไปเป็นขาลงทันที 

แนวต้านสำคัญที่ต้องผ่านไปให้ได้คือระดับ 10,500 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นจุดสูงสุดเดิมของปีนี้ ปัจจัยที่ต้องจับตาคือดัชนี Dollar Index ที่กลับมาแข็งค่าจากตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งอาจกดดัน Safe Haven อย่างบิทคอยน์และทองคำ

มีคำพูดว่า Don’t Fight The FED หรืออย่าอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเฟด คำพูดนี้อาจจะจริง คิวอีอาจจะแก้ปัญหาที่เกิดจากไวรัสโควิดได้ แต่เศษซากที่เกิดจากการอัดฉีดสภาพคล่องนั่นคือเงินเฟ้อจะส่งผลเสียต่อเงินดอลลาร์ในระยะยาว

บทความอื่นที่เกี่ยวข้อง : (วิเคราะห์) นอกจาก Facebook จะมีใครสร้างสกุลเงินดิจิทัลของตัวเองได้อีก

Leave a comment

เกี่ยวกับ NewsFirstLine

สื่อชั้นนำด้านบล็อกเชนและคริปโตในภูมิภาคเอเชีย นำเสนอข่าวสารด้านเทคโนโลยีและการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลอย่างรอบด้านและเจาะลึก ครอบคลุมทั้งภูมิภาคเอเชียเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะสิงคโปร์และประเทศไทย

สมัครรับข่าวสารจาก SCN