ถือเป็นสัปดาห์ที่ยอดเยี่ยมสำหรับบิทคอยน์ เนื่องจากสกุลเงินดิจิทัลเพิ่งทำราคาเกิน 65,000 ดอลลาร์สหรัฐ ทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ( ATH) โดยโค่นราคาสูงสุดเดิมก่อนหน้าที่ 64,900 ดอลลาร์สหรัฐ เมื่อช่วงเดือนเมษายน 2021 ที่ผ่านมา
โดยในขณะที่เขียนรายงานชิ้นนี้ ราคาบิทคอยน์พุ่งขึ้นมาอยู่ที่ 65,638.97 ดอลลาร์สหรัฐ และมีปริมาณซื้อขาย (trading volume) มากกว่า 38 ล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ซึ่งราคาคริปเตอร์เคอร์เรนซีคตัวนี้ ไต่ระดับขึ้นจาก 54,000 ดอลลาร์สหรัฐ มาอยู่ที่กว่า 65,000 ดอลลาร์สหรัฐ ภายในระยะเวลาเพียงแค่ 7 วันก็สามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ราว 20% ขณะที่ ส่วนแบ่งทางการตลาดของบิทคอยน์เวลานี้มีมูลค่ามกกว่า 1,200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และมีซัพพลายหมุนเวียนในตลาดมากกว่า 18 ล้านบิทคอยน์
แรงหนุนหลักที่ดันราคาบิทคอยน์พุ่งแรงในครั้งนี้ ก็คือการเปิดตัว ProShares Bitcoin Strategy ETF ที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม เนื่องจากเป็น Bitcoin ETF ตัวแรกที่ได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา และได้ฤกต์เปิดตัวเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม จนกลายเป็นกองทุนที่มีการซื้อขายมากที่สุดเป็นอันดับสองในประวัติศาสตร์
หลายฝ่ายคาดหวังว่า ราคาบิทคอยน์จะไปถึงระดับสูงในอีกไม่กี่สัปดาห์และหลายเดือนข้างหน้า ขณะที่ Dylan LeClair ผู้สร้าง Long-Term & Short-Term Holder Realized Price Ratio (LTHSTH-RPR) ที่มีความแม่นยำสูง ได้ยืนยันถึงความแข็งแกร่งของเขาเองตามการอ่านเมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา
(ที่มา: Dylan LeClair/Twitter)
ทั้งนี้ LeClair อธิบายในทวีตของเขาว่าเราสามารถประเมินวัฏจักรของตลาด Bitcoin ได้โดยใช้ราคาที่เป็นจริงของผู้ถือครองระยะยาวและผู้ถือระยะสั้น
“BTC จะขยับเพิ่มขึ้นเมื่อผู้ขายส่วนเพิ่มหมดลง นี่คือสาเหตุที่คุณเห็นว่าต้นทุนของ LTH ยังคงซบเซาระหว่างภาวะกระทิงที่ระเบิดได้ ในขณะที่พื้นฐานต้นทุนของ STH (ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้เข้าร่วมตลาดรายใหม่) ระเบิดออกแแต่มีเหรียญไม่เพียงพอที่จะไปไหนมาไหน” LeClair กล่าว
นอกจากนี้ หลายฝ่ายคาดว่า บิทคอยน์ อาจไม่ใช่เพียงเหรียญเดียวที่มีการเติบโตที่สดใส เนื่องจากปัจจุบัน altcoins คาดว่าจะมีการฟื้นตัวในช่วงครึ่งแรกของปี 2022
