Kaspersky ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ด้านความปลอดภัยไซเบอร์ให้ข้อมูลกับหนังสือพิมพ์ Straits Times ว่าสิงคโปร์เป็นประเทศที่ถูกโจมตีทางไซเบอร์ด้วยวิธีการการ Cryptojacking (โจรกรรมคริปโตฯ) สูงที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้มีผู้ถูกโจมตีเป็นจำนวนถึง 11,700 ครั้ง เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้วถึง 4 เท่า
เหตุผลหลักเป็นเพราะสิงคโปร์มีโครงสร้างพื้นฐานทางอินเทอร์เน็ตที่มีประสิทธิภาพและเข้าถึงประชาชนเป็นจำนวนมากทำให้เป็นสวรรค์ของนักโจรกรรมไซเบอร์ โดยเหล่าอาชญากรจะใช้หลากหลายวิธีในการฝัง Miner Program ลงในคอมพิวเตอร์ของเหยื่อเพื่อที่จะแอบขุดเงินคริปโตอยู่เบื้องหลังโดยไม่ต้องเสียต้นทุนค่าไฟฟ้าเลย
ตัวแทนของ Kaspersky ยังระบุอีกว่า ความยากในการขุดเงินคริปโตที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เหล่าอาชญากรได้เปลี่ยนมาใช้วิธีโจมตีผ่านเครือข่าย Botnet เพื่อเข้าถึงคอมพิวเตอร์และเครื่องขุดจำนวนมากและเพิ่มโอกาสในการทำกำไรให้ตัวพวกเขาเอง
“เมื่อการขุดคริปโตฯด้วยอุปกรณ์ของตัวเองไม่ทำกำไรให้อีกต่อ การขโมยทรัพยากรคอมพิวเตอร์และไฟฟ้าของผู้อื่นมาใช้ในการขุดก็กลายเป็นเรื่องล่อตาล่อใจของเหล่าอาชญากร”
K.K. Lim หัวหน้าฝ่ายกฎหมายด้านความปลอดภัยบนไซเบอร์ของสำนักงานกฎหมาย Eversheds Harry Elias ระบุเพิ่มเติมว่า การที่ผู้คนหันมาทำงานที่บ้าน (WFH) มากขึ้นในช่วงไวรัสโควิด-19 ระบาด มีส่วนทำให้เกิด Cryptojacking มากขึ้น เนื่องจากผู้ใช้งานส่วนใหญ่ไม่ได้อัพเดตซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยอย่างสม่ำเสมอเหมือนคอมพิวเตอร์ในที่ทำงานที่บริษัทมีฝ่ายไอทีคอยดูแลรักษาความปลอดภัย โดยมีคำแนะนำในการหลีกเลี่ยงดังนี้
“การหลีกเลี่ยง Cryptojacking ทำได้ง่าย ๆ โดยการคอบระมัดระวังตัวอยู่เสมอ ไม่ควรคลิกลิงค์แปลกปลอมที่แนบมาในอีเมล เลือกเข้าเว็บไซต์ที่เชื่อถือได้เท่านั้น และต้องอัพเดตระบบความปลอดภัยบนคอมพิวเตอร์อย่างต่อเนื่อง”
ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง : Coin Metrics คาดวอลุ่มซื้อขายบิทคอยน์อาจแซงหน้าตลาดหุ้นสหรัฐฯภายในสี่ปี
