แม้บริษัทหลอกลวงส่วนใหญ่จะล้มหายไป แต่อนาคตบล็อกเชนของจีนก็ไม่ได้สดใสอย่างที่หวัง?

อ้างอิงจากรายงานที่ EqualOcean ได้ส่งให้สื่อคริปโตฯยักษ์ใหญ่อย่าง Cointelegraph พบว่า บริษัทด้านบล็อกเชนส่วนใหญ่ในจีนที่ต้องปิดตัวไปเมื่อปีที่แล้วล้วนเป็นบริษัทที่ไม่มีแผนธุรกิจชัดเจน หรือโปรเจกต์ที่สร้างมาเพื่อหลอกลวงนักลงทุนทั้งสิ้น

จากรายงานพบว่า มีบริษัทด้านบล็อกเชนกว่า 70 แห่งต้องปิดตัวไปในปี 2019 โดย 70% เปิดมาได้ไม่ถึงปี และอีก 30% ต้องปิดตัวไปภายใน 6 เดือนแรกเท่านั้น โดยส่วนใหญ่จะเป็นเว็บซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินคริปโตฯ หรือ Exchange ที่มีเจตนาไม่ซื่อตั้งแต่ต้น รวมไปถึง DApp ที่ทำธุรกิจในรูปแบบแชร์ลูกโซ่ และบริษัทที่สร้างบล็อกเชนขึ้นมาทั้ง ๆ ที่ยังไม่รู้ว่าจะเอาไปทำอะไร

โดยรายงานเปรียบเทียบว่า แวดวงบล็อกเชนของจีนในปี 2019 นั้นเป็นเหมือน “ช่วงเวลาฟื้นไข้” โดยกำลังสลัดบริษัทต้มตุ๋นที่เป็นเนื้อร้ายออก และมุ่งไปยังการสร้างบล็อกเชนแพลตฟอร์มที่มีประโยชน์และใช้งานได้จริง

อย่างไรก็ตาม ภูมิทัศน์ทางสังคมและการเมืองที่แตกต่างกันของจีนและชาติตะวันตก ส่งผลให้การนำเทคโนโลยีบล็อกเชนไปใช้นั้นย่อมมีความแตกต่างกันไปด้วย โดยมีเนื้อความตอนหนึ่งว่า “อุตสาหกรรมบล็อกเชนและคริปโตฯของจีนไม่มีทางเป็นเหมือนอย่างในโลกตะวันตกได้ เนื่องจากกฎระเบียบที่เข้มงวดและการควบคุมของรัฐฯในทุกฝีก้าว มันแทบจะไม่มีทางเลยที่รัฐบาลจะปล่อยให้มีสกุลเงินที่รัฐไม่มีอำนาจควบคุมได้ลืมตาอ้าปาก”

แม้ผู้มีอำนาจในจีนจะเห็นถึงศักยภาพของบล็อกเชน และพญามังกรก็เข้าใกล้ความสำเร็จในการสร้างสกุลเงินดิจิทัลแห่งชาติ (CBDC) มากขึ้นทุกที แต่เทคโนโลยีเหล่านั้นไม่ได้ออกแบบมาด้วยจุดประสงค์ที่จะเสริมสร้างความเสรีและอิสระให้แก่ประชาชน หากแต่ล้วนเป็นความพยายามของรัฐในการมีอำนาจควบคุมและจับตาประชาชนอย่างเบ็ดเสร็จเสียมากกว่า และการใช้บล็อกเชนแบบเปิดเพื่อความเท่าเทียมและโปร่งใสยังอาจเป็นเพียงแค่ความฝันเท่านั้น

ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง: แอปพลิเคชันบล็อกเชน ช่วยลดการระบาดของไวรัส โควิด19 ในละตินอเมริกาได้อย่างไร