อเมริกาเหนือจ่อเป็นศูนย์กลางการขุดคริปโตแห่งใหม่

ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเข้าใจว่าการขุดคริปโตเคอร์เรนซีนั้นค่อนข้างใช้พลังงานมาก โดยจีนเคยเป็นสถานที่สำหรับการขุดคริปโต เนื่องจากเป็นแหล่งพลังงานที่อุดมสมบูรณ์และราคาถูก ทำให้จีนกลายเป็นหนึ่งในประเทศที่มีกิจกรรมการขุดมากกว่าครึ่งของโลก

อย่างไรก็ตาม สถานะดังกล่าวของจีนได้เปลี่ยนไปแล้ว เมื่อรัฐบาลกรุงปักกิ่งต้องเผชิญกับแรงกดดันในการควบคุมการปล่อยก๊าซคาร์บอน พร้อมกล่าวโทษกิจการการทำเหมืองคริปโตเคอเรนซี ที่ทำให้จีนประสบความล้มเหลวในการบรรลุเป้าหมาย

สถานการณ์ข้างต้น ส่งผลให้หน่วยงานกำกับดูแลของจีนประกาศสั่งห้ามดำเนินกิจการของเหล่านักขุดคริปโตทั่วประเทศ ส่งผลให้เกิดความสนใจในการแก้ปัญหาด้านพลังงานสะอาดมากขึ้น เช่น ข้อเสนอของทาง ISW Holdings Inc (ISWH)

เนื่องจากเครื่องขุดคริปโตในจีนได้ปิดตัวลงแล้ว เหรียญทั้งหมดที่จะขุดโดยบริษัทจีนก็พร้อมสำหรับออกสู่ตลาดแล้ว จึงนับเป็นข่าวดีสำหรับ ISWH และนักขุดคริปโต เช่น Marathon Digital Holdings Inc, CleanSpark Inc, Riot Blockchain Inc และ Bitfarms Ltd ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นหน่วยงานในสหรัฐฯ

(Infographic of the ISW Holdings editorial)

และด้วยราคาของ Bitcoin ที่พุ่งขึ้นจากประมาณ 157 ดอลลาร์สหรัฐในปี 2015 ไปสู่ระดับสูงสุดเกือบ 65,000 ดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ ฉากการขุดคริปโตมีการแข่งขันกันมากขึ้นกว่าที่เคย เหมือนที่การระเบิดของhashrateแสดงออกมา

การบีบบังคับให้นักขุดคริปโตต้องอพยพโยกย้าย ทำให้ hashrate ลดลงเหลือต่ำสุดในรอบหนึ่งปี เนื่องจากบรรดาบริษัทจีนต่างลี้ภัยออกจากแผ่นดินใหญ่เพื่อค้นหาที่ขุดเหมืองคริปโตที่เหมาะสมในประเทศอื่นต่อไป

โดยเงื่อนไขในการเลือก ก็คือประเทศที่ต้องมีอัตรา hashrate ต่ำ และมีการแข่งขันน้อย เพราะเงื่อนไขดังกล่าวจะช่วยให้นักขุดมีรายได้และผลกำไรที่สูงขึ้น ซึ่งในท้ายที่สุดแล้ว ตัว hashrate ก็จะฟื้นกลับมาได้ในไม่ช้า เมื่อตลาดมีการกระจายอำนาจ (decentralised) มากขึ้น

ทั้งนี้ มีการประมาณการณ์ว่า การกวาดล้างปราบปรามของรัฐบาลจีนจะลดทอนศักยภาพการขุดคริปโตถึง 90% ขณะที่ มีการคาดการณ์ว่า ภูมิภาคอเมริกาเหนือ จะกลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของเหล่านักขุดคริปโต