ไทยเปิดเวทีประชาพิจารณ์ทบทวนคุณสมบัติเทรดเดอร์คริปโต

 

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ก.ล.ต.) เปิดเวทีประชาพิจารณ์รับฟังความเห็นของประชาชนกรณีการกำหนดคุณสมบัติผู้ที่สามารถเปิดบัญชีซื้อขายเงินคริปโต ทำผู้เชี่ยวชาญส่วนหนึ่งอดวิตกไม่ได้ว่าจะทำให้การซื้อขายคริปโตในไทยเป็นไปได้ยากมากขึ้น 

ความเคลื่อนไหวครั้งนี้มีขึ้นหลักจากที่มีจำนวนนักลงทุนรายย่อยหลั่งไหลเข้ามาลงทุนในตลาดคริปโตทั่วโลก ซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วย และแม้จะมีประกาศเมื่อไม่นานมานี้ของทาง Binance ที่ออกมายอมรับว่า บริษัทกำลังเข้าสู่ช่วงของการซ่อมบำรุงเพื่อจะทำให้สามารถเพิ่มจำนวนบัญชีผู้ค้าหน้าใหม่เพิ่มขึ้นในภายหลัง จนเป็นเรื่องยากที่จะลงทะเบียนขอเข้าร่วมเป็นเทรดเดอร์ กระนั้น ก็ยังมีจำนวนนักลงทุนหน้าใหม่ที่ตบเท้าขอเข้าร่วมไม่ขาดสาย 

งานนี้ ทำให้ทางก.ล.ต. ของไทย ตัดสินใจจัดเวทีประชาพิจารณ์เมื่อวันที่ 15 ก.พ. ที่ผ่านมา เพื่อพิจารณาว่าสมควรที่จะกำหนดคุณสมบัติบางอย่างของผู้ที่จะเข้ามาเปิดบัญชีซื้อขายคริปโตในตลาดอย่างเป็นทางการหรือไม่ 

สำหรับเป้าหมายหลักของการจัดเวทีประชาพิจารณ์ครั้งนี้ของก.ล.ต. ไทย มีขึ้นเพื่อปกป้องบรรดานักลงทุนรายย่อยมือใหม่อ่อนประสบการณ์ จากการขาดทุนและเสี่ยงที่จะต้องสูญเงินลงทุนไปโดยใช่เหตุ

ข้อมูลจากก.ล.ต. พบว่า การซื้อสุทธิของสินทรัพย์ดิจิทัลเติบโตจากเดือนพ.ย. ปี 2020 ที่ 500 ล้านบาท มาอยู่ที่ 1,200 ล้านบาทในเดือนม.ค. ปี 2021

“คริปโตเคอร์เรนซีเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงอยู่ในระดับสูงสำหรับนักลงทุน ดังนั้นจึงจำเป็นที่เราจะต้องมีเกณฑ์ในการคัดกรอง เช่น อายุ, ประสบการณ์การเทรด และระดับของรายได้ หรือความมั่งคั่งเพื่อจำกัดความเสี่ยง โดยข้อจำกัดที่ว่านี้อยู่แล้วสำหรับการลงทุนในพันธบัตรความเสี่ยงสูงและผลตอบแทนสูง ซึ่งมีไว้สำหรับนักลงทุนบางกลุ่มเท่านั้น” น.ส. รื่นวดี เลขาธิการก.ล.ต. กล่าว

ทั้งนี้ การซื้อขายคริปโตถือเป็นช่องทางการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง และนักลงทุนไม่ว่าจากที่ไหนก็ตามสมควรที่จะลงทุนในระดับที่ตนเองสามารถรับกับภาวะขาดทุนนั้นๆ ได้