มีคำกล่าวว่าในตลาดทุน ไม่ว่าจะเป็นหุ้นหรือคริปโตฯ จะมีเพียงแค่ 20% เท่านั้นที่ประสบความสำเร็จและเป็นผู้ชนะ อีก 80% จะล้มเหลวและจำต้องก้าวออกจากตลาดไป เรามาดูกันว่าพฤติกรรมแบบไหนที่มีส่วนทำให้คนส่วนใหญ่ไม่ไม่ประสบความสำเร็จในการลงทุน
1. หลงเชื่อข่าวลือตามสื่อต่างๆ ในอดีตมักมีการปล่อยข่าวลือเกี่ยวกับหุ้นต่างๆในห้องค้าหลักทรัพย์ ปัจจุบันได้พัฒนามาเป็นการปล่อยข่าวลือผ่านสื่อสังคมออนไลน์โดยเฉพาะเฟซบุ๊คหรือไลน์ นักลงทุนที่ไม่เคยศึกษาและวางแผนหาหุ้นที่จะลงทุนด้วยตัวเองมักจะตกเป็นเหยื่อของการปล่อยข่าวลือต่างๆเสมอ จำไว้เสมอว่าข่าวลือต่างๆที่เผยแพร่ออกมาในโลกออนไลน์ เราจะไม่ใช่คนกลุ่มแรกที่รู้แน่นอน และจะมีผู้ที่ได้รับประโยชน์จากการเข้าซื้อหรือขายหุ้นไปก่อนหน้านีแน่นอน
2. ไม่ทำตามวินัยและแผนการลงทุน การลงทุนในตลาดหุ้นเปรียบเสมือนกับการเล่นกีฬาหรือการทำสงครามที่จะต้องมีการวางแผนในการซื้อและขายหุ้นอยู่เสมอ ตั้งแต่เลือกหุ้นที่จะลงทุน ตั้งราคาซื้อไปจนตั้งราคาขาย แต่นักลงทุนส่วนใหญ่ไม่มีการลงทุนตามวินัยและขาดการวางแผนที่ดี ทำให้ไม่มีแนวทางในการแก้ไขพอร์ตในกรณีที่สถานการณ์ไม่เป็นไปตามที่คิด
3. ไม่กล้าที่จะตัดขาดทุน นักลงทุนที่สามารถเอาตัวรอดได้ในตลาดหุ้นส่วนใหญ่มีการวางแผนและกล้าที่จะตัดขาดทุนจากหุ้นที่ถือแล้วไม่มีผลตอบแทนกลับคืนมา อีกทั้งหลายรายตั้งใจที่จะเก็งกำไรระยะสั้นแต่พอผิดทางกลับไม่มีการตัดขาดทุนแต่ทนถือหุ้นต่อไปจนมีคำเรียกพฤติกรรมเหล่านี้ว่า “วีไอจำเป็น” คือต้องทนติดหุ้นต่อและอ้างว่าเป็นการลงทุนระยะยาว พฤติกรรมแบบนี้ทำให้รายย่อยส่วนใหญ่ไม่สามารถอยู่ในตลาดหุ้นได้ระยะยาว
4. ไม่มีการบริหารการเงินที่ดี การบริหารเงินที่จะใช้ลงทุนเปรียบเสมือนกับการเตรียมเสบียงที่จะนำไปใช้ในการรบ หากเตรียมอย่างเพียงพอและพอดีจะช่วยให้การลงทุนประสบความสำเร็จได้ตามแผน แต่นักลงทุนหลายคนกลับไม่มีวินัยทางการเงิน เช่น กู้เงินมาลงทุนแทนที่จะใช้เงินเหลือเก็บ บางรายลงทุนเกินตัวโดยใช้อนุพันธ์ ซื้อหุ้นเพียงตัวเดียวในพอร์ต ฯลฯ ซึ่งเวลาเกิดความเสียหายจะมีการขาดทุนที่หนักกว่าปกติ ทำให้หลายคนถึงกับต้องหมดตัวและออกจากตลาดหุ้นไป
5. มองโลกในแง่ดีเกินไป ช่วงที่ตลาดหุ้นเป็นขาขึ้นยาวนานต่อเนื่อง นักลงทุนส่วนมากจะมองโลกในแง่ดีและมีความมั่นใจในตัวเองสูงว่าซื้อหุ้นตัวไหนก็ได้กำไรโดยไม่มีการเตรียมรับมือความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น เมื่อตลาดหุ้นกลับเป็นขาลง นักลงทุนที่ไม่ได้เตรียมตัวไว้ก่อนมักจะเป็นกลุ่มที่เสียหาย
6. ขาดการทบทวนการลงทุน นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จส่วนมากจะมีการทบทวนการลงทุนในแต่ละครั้งเสมอเพื่อที่จะหาข้อผิดพลาดในการลงทุนและนำไปแก้ไขในการลงทุนครั้งต่อไป แต่นักลงทุนส่วนใหญ่กลับไม่ให้ความสำคัญในการทบทวนการลงทุนและมักจะปล่อยให้ความผิดพลาดเกิดขึ้นบ่อยครั้ง นักลงทุนโดยเฉพาะผู้ที่ทำงานประจำไปด้วยจึงควรจดบันทึกการตัดสินใจลงทุนไว้ทุกครั้งเพื่อนำมาใช้พัฒนาการวิธีการซื้อขายหุ้นหรือนำไปสร้างระบบเทรดของตัวเองในอนาคต
7. ลงทุนในสิ่งที่ไม่มีความเข้าใจ ปัจจุบันมีเครื่องมือการลงทุนรูปแบบใหม่เกิดขึ้นเสมอทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะสินค้าประเภทอนุพันธ์ อย่างเช่น Options, Derivative Warrant ฯลฯ ทั่วไปมักมีความซับซ้อนสูง นักลงทุนมือใหม่หลายคนต้องการเข้าไปทดลองลงทุนทั้งที่ยังไม่เคยศึกษาวิธีการลงทุนอย่างถูกต้องจนทำให้เกิดความเสียหายกลับมา
8. ไม่มีการแบ่งปันเวลาเพื่อศึกษาการลงทุนที่มากพอ การลงทุนในตลาดหุ้นเปรียบเสมือนกับการทำงานประจำหรือทำธุรกิจส่วนตัวอย่างหนึ่งที่ต้องมีการพัฒนาตัวเองอย่างสม่ำเสมอ แม้ว่าจะมีสไตล์การลงทุนเป็นของตัวเองก็ไม่ควรจะหยุดเรียนรู้วิธีการลงทุนใหม่ ๆ หรือปรับตัวให้เข้ากับสภาพตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปอยู่เสมอ
9. เชื่อทุกสิ่งที่รับสารเข้ามา นอกเหนือจากข่าวลือต่างๆแล้ว นักลงทุนส่วนหนึ่งจะติดตามข่าวสารทางด้านเศรษฐกิจตลอดจนบทวิเคราะห์จากโบรคเกอร์หรือกูรูทุกวันแต่ไม่มีการคัดกรองเนื้อหาที่รับเข้ามา ทำให้เกิดความสับสนและลังเลในการลงทุน ทางที่ดีที่สุดคือเปิดรับสารต่าง ๆ อย่างพอเพียง เลือกเฉพาะสื่อที่อ่านแล้วมีความแม่นยำหรือมีข้อมูลครบถ้วนเพียงไม่กี่แห่งถือว่าเพียงพอแล้ว
10. หวังที่จะร่ำรวยในระยะเวลาสั้น เป็นแนวความคิดที่อันตรายที่สุดสำหรับนักลงทุนโดยเฉพาะมือใหม่และยังอายุน้อยซึ่งอาจจะได้รับข้อมูลหรือเห็นตัวอย่างของนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จในตลาดหุ้น และต้องการที่จะเอาอย่างความสำเร็จ พร้อมทั้งวาดฝันไปหอมหวาน โดยเชื่อว่าทุกคนก็สามารถประสบความสำเร็จในตลาดหุ้นได้ง่าย ๆ แต่เมื่อความเป็นจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น ก็พากันถอดใจและออกจากตลาดไปในที่สุด
ความจริงแล้ว นักลงทุนรายใหญ่หรือเซียนหุ้นทั้งไทยและระดับโลกต่างมีคุณสมบัติเดียวกันคือ “สามารถยืนในตลาดได้ในระยะยาว” โดยผ่านร้อนหนาวทั้งช่วงวิกฤตเศรษฐกิจและช่วงที่ตลาดรุ่งเรืองมาแล้วทั้งสิ้น การที่จะเป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จนั้นความสามารถอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอแต่ต้องมีคุณสมบัติหลายอย่างประกอบกัน ที่สำคัญคือ อย่ายอมแพ้ และเก็บประสบการณ์ไว้เป็นบทเรียน
เมื่อเราทราบถึงพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ของนักลงทุนหรือนักเทรดเหล่านี้แล้ว อีกวิธีหนึ่งที่จะทำให้เราสามารถฝึกซ้อมและพัฒนาฝีมือไปได้เหมือนใจตลาดจริงก็คือ การใช้โปรแกรมเทรดแบบจำลองเพื่อช่วยในการวางกลยุทธ์และศึกษาข้อผิดพลาด โดยไม่ต้องใช้เงินทุนจริงในการซื้อ – ขาย และตอนนี้ ทาง NewsFirstLine ยังได้ร่วมกับ Roostoo เปิดการแข่งขันเทรดเงินคริปโตฯแบบจำลองให้ทุกคนเข้ามาประลองฝีมือกันอีกด้วย
การเทรดจำลอง (Paper Trading) คืออะไร อ่านที่นี่
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับกิจกรรมนี้ อ่านที่นี่
สมัครการแข่งขันโปรลีค อ่านที่นี่
มีคำถามหรือข้อสงสัยเพิ่มเติม แอดไลน์มาคุยกับเราที่นี่ได้เลย
