fbpx
Skip to content Skip to footer

4 เหตุผลที่ควรลงทุนในบิทคอยน์ตอนนี้ทันที!!

เหลือเวลาอีกเพียงแค่ 5 วันเท่านั้นจะเกิดเหตุการณ์ที่นักลงทุนคริปโตทั่วโลกเฝ้ารอคอยมานานกว่า 4 ปี นั่นคือการเกิด Bitcoin Halving หรือการลด Reward ที่ได้จากการขุดลงครึ่งหนึ่ง ซึ่งทุกครั้งหลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ราคา บิทคอยน์ จะปรับตัวสูงขึ้นอย่างรุนแรงทุกครั้ง 

แต่นอกจาก Bitcoin Halving แล้วยังมีอีก 4 เหตุผลที่จะสนับสนุนให้ บิทคอยน์ กลับตัวมาเป็นขาขึ้นในช่วงเวลาหลังจากนี้ 

การทำ QE รอบที่แล้วทำให้ทองคำขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ได้ รอบนี้บิทคอยน์ก็เป็นไปได้เช่นกัน 

การใช้มาตราการอัดฉีดสภาพคล่องของธนาคารกลางสหรัฐฯรวมถึงธนาคารกลางใหญ่ของโลกในช่วงวิกฤติซับไพร์มในปี 2008 ทำให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นถึง 174% และสร้างจุดสูงสุดใหม่ที่ระดับ 1,900 ดอลลาร์ 

วิกฤติโควิด-19 ที่เกิดขึ้นทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯต้องใช้มาตราการ QE อีกครั้งด้วยวงเงินไม่จำกัดและธนาคารกลางทั่วโลกหันมาอัดฉีดสภาพคล่องจำนวนมหาศาลเข้าสู่ตลาดอีกครั้ง

บิทคอยน์ที่มีคุณลักษณะของการเป็น Store of Value เช่นเดียวกับทองคำจึงมีโอกาสที่จะเป็นขาขึ้นในช่วงหลังจากนี้ได้เช่นกัน โดยล่าสุดผลตอบแทนการลงทุนตั้งแต่ต้นปีบิทคอยน์ (YTD) ได้แซงหน้าทองคำไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง : เหตุผลง่าย ๆ ว่าทำไมบิทคอยน์จึงเหนือกว่าทองคำจากนักวิเคราะห์ของ Bloomberg

ไวรัสโควิดทำให้คนทั่วโลกรู้จักและใช้เงินดิจิทัลมากขึ้น

จากความกังวลในการใช้เงินสดที่อาจทำให้เกิดการแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 ตลอดจนการซื้อของออนไลน์ที่เติบโตขึ้นจากมาตราการ Lockdown ทำให้คนทั้งโลกคุ้นเคยกับการใช้จ่ายเงินบนช่องทางดิจิทัลมากขึ้นรวมถึงการใช้งานสกุลเงินดิจิทัลด้วยเช่นกัน 

แน่นอนว่าสกุลเงินดิจิทัลอันดับหนึ่งที่คนทั้งโลกเคยได้ยินและจะทดลองใช้เป็นอันดับแรก ๆ ก็คือบิทคอยน์ การที่มีจำนวนผู้ใช้และความต้องการเข้ามามากขึ้นก็สามารถผลักดันราคาให้ปรับตัวสูงขึ้นได้

หยวนดิจิทัลและ Libra ก็ทำให้คนรู้จักบิทคอยน์มากขึ้น

แม้ทั้งโลกกำลังเผชิญกับวิกฤติเศรษฐกิจ แต่รัฐบาลจีนได้เดินหน้าพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลางหรือ DC/EP อย่างต่อเนื่อง และมีการทดลองใช้งานจริงแล้วในเชนร้านอาหารชั้นนำอย่างแม็คโดนัลด์และสตาร์บัคส์ 

รวมถึง LIbra ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ Facebook เปิดตัวมาตั้งแต่ปีที่แล้วได้ปรับปรุง Whitepaper ใหม่เพื่อที่จะลดแรงกดดันจากหน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินทั่วโลก โดยหวังที่จะเปิดตัวใช้งานจริงให้ได้ภายในสิ้นปีนี้

แม้ทั้งสองสกุลเงินจะไม่ได้ทำงานบน Public Blockchain เหมือนกับบิทคอยน์ แต่จำนวนผู้ที่พร้อมจะใช้งานสองสกุลเงินดังกล่าวในระดับพันล้านคนทั่วโลกจะทำให้คนทั้งโลกรู้จักกับสกุลเงินดิจิทัลมากขึ้นและจะต้องถูกนำไปเปรียบเทียบกับบิทคอยน์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

กราฟเทคนิคบ่งบอกว่าเวฟ 3 ซึ่งเป็นขาขึ้นนานที่สุดยังเป็นไปได้

เมื่อกลางเดือนมีนาคมเกิดเหตุการณ์ Black Thursday ที่บิทคอยน์ถูกเทขายอย่างหนักเช่นเดียวกับสินทรัพย์การลงทุนอื่น ๆ และเกือบที่จะหลุดเส้นเทรนด์ไลน์ (เส้นสีแดง) ที่ทำหน้าที่เป็นแนวรับระยะยาวที่สำคัญ แต่สุดท้ายแล้วราคาก็สามารถเด้งกลับมาได้อย่างรวดเร็ว

การที่ราคาของ บิทคอยน์ ไม่ลงไปทำจุดต่ำสุดใหม่ที่ระดับต่ำกว่า 3,000 ดอลลาร์ ทำให้ภาพรวมของราคายังอยู่ใน Wave 2 ตามทฤษฎี Elliott Wave และเป็นไปได้ที่จะเกิด Wave 3 ซึ่งเป็นขาขึ้นที่ยาวนานที่สุดละจะต้องสูงกว่าจุดสูงสุดเดิมที่เกิดใน Wave 1 ซึ่งอยู่ที่ 19,000 ดอลลาร์

นี่คือเหตุผลทั้งปัจจัยพื้นฐานและเทคนิคที่เป็นตัวช่วยผลักดันราคาบิทคอยน์ ประกอบกับวันที่ 12 พฤษภาคมนี้จะเกิด Bitcoin Halving ซึ่งตามสถิติย้อนหลังราคาจะกลับเป็นขาขึ้นทุกครั้ง แต่ในโลกการลงทุนไม่มีอะไรที่แน่นอน อย่าลงทุนหมดหน้าตักหรือเก็งกำไรโดยไม่มีสติและแผนสำรอง

บทความที่เกี่ยวข้อง : Bitcoin Halving คืออะไร? เมื่อบิทคอยน์โดนหั่นครึ่ง

Leave a comment

เกี่ยวกับ NewsFirstLine

สื่อชั้นนำด้านบล็อกเชนและคริปโตในภูมิภาคเอเชีย นำเสนอข่าวสารด้านเทคโนโลยีและการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลอย่างรอบด้านและเจาะลึก ครอบคลุมทั้งภูมิภาคเอเชียเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะสิงคโปร์และประเทศไทย

สมัครรับข่าวสารจาก SCN