- การยกระดับการตรวจสอบและกฎระเบียบเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลได้ส่งผลกระทบต่อแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตเคอร์เรนซีที่ใหญ่ที่สุดในโลกตามปริมาณการซื้อขาย
- ทั้งนี้ การปรับกฎควบคุมให้เข้มงวดขึ้นต่อ Binance อาจจะเป็นการถอยหลังเข้าคลอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อการแลกเปลี่ยนได้เสนอหนทางแห่งสันติวิธีให้สกุลเงินดิจิทัลเหล่านี้มาอยู่ภายใต้กฎข้อบังคับ
หากไม่มีอะไรอื่น Changpeng Zhao หรือที่รู้จักกันในชื่อ “CZ” ผู้ก่อตั้ง Binance แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตเคอร์เรนซีที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก จะปฏิบัติตามที่ตนเองได้เคยลั่นวาจาไว้ นั่นคือการ กระจายอำนาจ หรือ decentralized
แม้จะได้ชื่อว่าเป็นผู้ก่อตั้งแพลตฟอร์มซื้อขายแลกเปลี่ยนคริปโตที่มีปริมาณซื้อขายใหญ่ที่สุดในโลก แต่ตัวของ CZ กลับสมถะและเรียบง่าย มีรายงานว่า CZ ไม่มีบ้านหรือที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง โดยก่อนหน้านี้หลายปีที่แล้ว เจ้าตัวตัดสินใจขายอพาร์ทเมนท์ของตนเองเพื่อนำไปเงินไปซื้อบิทคอยน์ และในขณะที่คนในแวดวงคริปโตเคอร์เรนซีคลั่งไคล้รถหรูอย่าง ลัมโบ CZ กลับไม่ได้ขับรถ และเลือกใช้บริการเรียกรถผ่านแอพแทน ซึ่ง CZ เคยพูดไว้ในหลายโอการที่ได้รับร่วมงานสาธารณะต่างๆ ว่า อยากจะเปลี่ยนสินทรัพย์ทั้งหมดที่มีให้อยู่ในรูปสกุลเงินดิจิทัลทั้งหมด
แม้ว่าจะมีพนักงานหลายร้อยคนกระจายอยู่ทั่วโลก แต่ Binance กลับไม่มีสำนักงานใหญ่ของบริษัทให้พูดถึง หรือลำดับชั้นที่มองเห็นได้ แม้แต่ CZ เองก็สามารถเข้าถึงได้ง่ายพอสมควร แม้ว่าจะมีความพยายามที่ดีของกลุ่มบอดี้การณ์ และยามรักษาความปลอดภัยรอบตัวที่ต้องการจำกัดการเข้าถึง CZ
กระนั้น CZ ก็เป็นนักปฏิบัตินิยมเช่นกัน โดยตระหนักว่า ณ จุดหนึ่ง ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ก็ตาม Binance จะถึงขนาดวิกฤตที่ไม่สามารถนำทางไปยังโลกใต้ดินได้อีกต่อไป ด้วยเท้าข้างหนึ่งในคริปโตสเฟียร์ และอีกข้างหนึ่งในอุตสาหกรรมการเงิน
ขณะเดียวกัน ตลอดช่วงเวลานี้ CZ ได้ทุ่มเงินจำนวนมหาศาลอย่างเงียบๆ เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับทีมกฎหมายและการปฏิบัติตามกฎระเบียบของตน กระทั่งขอความช่วยเหลือจากอดีตวุฒิสมาชิกประชาธิปไตยสหรัฐฯ และ Max Baucus เอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำประเทศจีน ที่ปรึกษานโยบายและรัฐบาลสัมพันธ์
ในขณะที่ Binance.com มีอยู่ทุกที่และไม่มีที่ไหนเลย ทาง CZ ยังได้ลงทุนเพื่อจัดตั้ง Binance “lite” ที่ได้รับการควบคุมในเขตอำนาจศาลต่างๆ รวมถึง Binance.sg และ Binance.us
อย่างไรก็ตาม หลังจากความล้มเหลวของสหราชอาณาจักร ที่การกำกับดูแลอย่างเข้มงวดนำไปสู่การที่ Financial Conduct Authority (FCA) หน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงินของอังกฤษ สั่งห้าม Binance Markets Limited ซึ่งเป็นบริษัทของ Binance ในอังกฤษ ขณะที่ ธนาคารกลางสิงคโปร์ (MAS) ก็เดินหน้าตรวจสอบ Binance Asia Services Pte. Ltd. (“BAS”) ซึ่งเป็นสาขาของ Binance ในสิงคโปร์ช่วยเช่นกัน
BAS ดำเนินการภายใต้สิ่งที่เรียกว่า “regulator sandbox” ซึ่งหน่วยงานกำกับดูแลของสิงคโปร์ให้ระยะเวลาผ่อนผันสำหรับบริษัทในการดำเนินงาน ในขณะที่ MAS ตรวจสอบใบอนุญาตบริการโทเค็นการชำระเงินดิจิทัล
จากกรุงปักกิ่ง ถึง กรุงบรัสเซล แพลต์ฟอร์มซื้อขายแลกเปลี่ยนคริปโตชั้นนำของโลกกำลังเผชิญหน้ากับแรงกดดันทางกฎหมายที่ต้องการการให้มาควบคุม กำกับและดูแลสกุลเงินคริปโตเหล่านี
ด้วยหน่วยงานกำกับดูแลกังวลอย่างยิ่งว่าสกุลเงินดิจิทัลสามารถใช้เพื่ออำนวยความสะดวกในการฟอกเงินและการฉ้อโกง แม้แต่ Binance ซึ่งได้พยายามควบคุมอย่างน้อยก็ถูกดักจับ
ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ช่างอับโชค เพราะว่าสำหรับ การเทรดที่มีเจตนาและวัตถุประสงค์ทั้งหมด แทบจะไม่มีใครสามารถยับยั้ง Binance จากการดำเนินธุรกิจตามปกติได้
อย่างไรก็ตาม อย่างน้อยแพลตฟอร์มการแลกเปลี่ยนคริปโตเคอร์เรนซีที่ใหญ่ที่สุดในโลกตามปริมาณน้อยเต็มใจที่จะมีส่วนร่วมกับหน่วยงานกำกับดูแลควรเป็นโอกาสที่จะได้รับข้อมูลเชิงลึกที่ไม่เหมือนใครในพื้นที่และอาจหาวิธีการที่เป็นไปได้ในการควบคุมหากต้องการ
ขณะที่ Binance กำลังถูกสอบสวนโดยหน่วยงานกำกับดูแลหลายแห่ง แต่หน่วยงานกำกับดูแลอาจมีปัญหาในการพิจารณาว่าบริษัทมีภูมิลำเนาอยู่แห่งใด ในขณะที่คำแนะนำเบื้องต้นคือ Binance ได้รับการจดทะเบียนและควบคุมในมอลตา การค้นหาบริษัทจดทะเบียนอย่างรวดเร็วนั้นไม่ได้ผล
ทั้งนี้ ทางสิงคโปร์ได้ออกใบอนุญาตบริการโทเค็นการชำระเงินแบบดิจิทัลภายใต้พระราชบัญญัติบริการการชำระเงิน ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อควบคุมอุตสาหกรรมสกุลเงินดิจิทัลที่เพิ่งเริ่มต้น ในขณะที่ยังคงให้พื้นที่ว่างด้านกฎระเบียบมากมายสำหรับนวัตกรรม fintech มากมาย
ขณะเดียวกัน ก็มีรายงานว่า Binance กำลังอยู่ในระหว่างการเดินหน้าขอใบอนุญาตภายใต้กฎหมายบริการชำระเงินของสิงคโปร์ ซึ่งจะช่วยให้การดำเนินงานในสิงคโปร์ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งกลายเป็นเมืองหลวงของสกุลเงินดิจิทัลแห่งเอเชีย
