fbpx
Skip to content Skip to sidebar Skip to footer

Bitfinex เตรียมจดทะเบียนกองทุนเฮดจ์ฟันด์คริปโตฯ มูลค่ากว่า 280 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

Bitfinex เว็บเทรดเงินคริปโตฯรายใหญ่และบริษัทพาร์ทเนอร์ของ Tether (USDT) ได้เข้าจดทะเบียนกองทุนเฮดจ์ฟันด์คริปโตเคอร์เรนซี่มูลค่าหลายร้อยล้านดอลลาร์ฯ

เมื่อวันที่ 16 มีนาคมที่ผ่านมา เว็บเทรด Bitfinex ได้ประกาศว่า บริษัทได้จดทะเบียนกองทุนเฮดจ์ฟันด์คริปโตเคอร์เรนซี่ที่ประเทศบาฮามาส ภายใต้ชื่อ Fulgur Alpha ซึ่งมีมูลค่ากว่า 280 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ทาง Bitfinex เผยว่า กองทุนดังกล่าวจะเปิดรับเฉพาะนักลงทุนมืออาชีพเท่านั้น และมีเป้าหมายที่จะเพิ่มสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการของกองทุนให้มากขึ้นในปีนี้

โดยสินทรัพย์ของ Fulgur Alpha นั้นจะถูกดูแลโดยโดยบริษัท Delchain Limited ซึ่งเป็นผู้รับฝากทรัพย์สินคริปโตฯที่ได้รับใบอนุญาต โดยบริษัท Deltec Fund Services และแผนกด้านการเงินของบริษัท Deltec International Group จะเป็นผู้ดูแลว่ากองทุนนี้จะมีแนวทางปฏิบัติสอดคล้องกับกฎระเบียบและเงื่อนไขอย่างถูกต้อง

ทางด้าน Bruno Macchialli หัวหน้าผู้บริหารฝ่ายปฏิบัติการของ Delchain อธิบายว่า กองทุนดังกล่าวจะมีการกระจายความเสี่ยงที่รัดกุมเพื่อให้เข้ากับนักลงทุนที่ปรกติแล้วลงทุนในสินทรัพย์ยุคเก่า และกองทุนนี้จะถือเป็น “พิมพ์เขียวสำหรับการลงทุนของผู้เล่นระดับสถาบันในคริปโตเคอร์เรนซี่”

เดือนมกราคมที่ผ่านมา ดูเหมือนจะเป็นเดือนที่ดีที่สุดสำหรับการลงทุนในกองทุนเฮดจ์ฟันด์คริปโตฯเนื่องจากมีผลตอบแทนเฉลี่ยสูงถึง 21.15% แต่ในเดือนมีนาคมนี้ เนื่องด้วยวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือ COVID-19 และท่าทีสั่นคลอนของสภาพเศรษฐกิจโลก น่าจะมีผลกระทบอย่างมีนัยยะสำคัญต่อผลการดำเนินงานของกองทุนเฮดจ์ฟันด์เหล่านี้อย่างแน่นอน

ทั้งนี้ กองทุนเฮดจ์ฟันด์ในรูปแบบทั่วไปก็ยังสามารถใช้ประโยชน์จากการนำสินทรัพย์ดิจิทัลเข้าไปเป็นส่วนนึงของการลงทุนได้ โดยเมื่อปี 2019 กองทุนของ Bill Miller นักลงทุนชื่อดัง มีการเติบโตกว่า 40% อันเป็นผลมาจากการแบ่งพอร์ตส่วนหนึ่งมาลงทุนใน Bitcoin (BTC)

ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง: ‘เงินในอนาคต’ จากมุมมองของ Vitalik Buterin ผู้ก่อตั้ง Ethereum

Leave a comment

เกี่ยวกับ NewsFirstLine

สื่อชั้นนำด้านบล็อกเชนและคริปโตในภูมิภาคเอเชีย นำเสนอข่าวสารด้านเทคโนโลยีและการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลอย่างรอบด้านและเจาะลึก ครอบคลุมทั้งภูมิภาคเอเชียเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะสิงคโปร์และประเทศไทย

สมัครรับข่าวสารจาก SCN