- Coinbase Global แพลตฟอร์มการแลกเปลี่ยนคริปโตเคอร์เรนซีดำเนินการสำรองเงินสดจำนวนมากอย่างระมัดระวังเพื่อรองรับฤดูหนาวของคริปโตเคอร์เรนซีที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงค่าใช้จ่ายจากการปรับเปลี่ยนกฎระเบียบ
- การเคลื่อนไหวอย่างรอบคอบโดย Coinbase Global อาจนำไปสู่งบดุลที่ “ขี้เกียจ” แต่สอดคล้องกับประสบการณ์ในอุตสาหกรรมคริปโตเคอเรนซีในช่วงงานเลี้ยงและความอดอยาก (วงจรที่เจ้าของธุรกิจไม่สามารถควบคุมหรือพลิกฟื้นบริษัทให้กลับมามีกำไรได้)
ผู้มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมคริปโตเคอร์เรนซีย่อมตระหนักถึงมูลค่าของการออม
ในขณะที่ฝ่ายสนับสนุนอาจร้องเพลงสรรเสริญและมูลค่าการเปลี่ยนแปลงของการกระจายอำนาจจากภายนอก และบางส่วนอาจเสียค่าเงิน fiat ที่เป็นวัตถุของอดีตบริษัทคริปโตเคอร์เรนซีเดียวกันที่รอดชีวิตมาได้จนถึงขณะนี้ ส่วนหนึ่งก็ตระหนักถึงคุณค่าของแผนฉุกเฉิน รวมถึงการค้ำประกันคำสั่ง
นี่คือเหตุผลที่ Coinbase Global (+1.58%) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลเพียงแห่งเดียวในสหรัฐอเมริกาที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ได้สร้าง war chest (เงินสดที่ต้องสำรองไว้ในกรณีเกิดการเปลี่ยนแปลงโดยไม่คาดคิด ) มูลค่า 4,000 ล้านเหรียญสหรัฐในช่วง 2-3 เดือนแรกในฐานะบริษัทซื้อขายสาธารณะเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับเวลาน้อยและการต่อสู้ด้านกฎระเบียบ
เมื่อพิจารณาถึงความผันผวนของอุตสาหกรรมคริปโตเคอเรนซี (Cryptocurrency) ที่มีแนวโน้มว่าจะเกิดความอดอยากและความอดอยากร่วมกัน การตัดสินใจของ Coinbase Global ที่จะเพิ่มงบดุลด้วยเงินสดแทน Lambos นั้นเป็นสิ่งที่น่ายินดี
ทั้งนี้ การดำเนินงานในพื้นที่คริปโตเคอเรนซี (cryptocurrency) มีสิ่งแปลกปลอมที่รู้จักและสิ่งที่ไม่รู้มากกว่านั้นอีก นั่นคือเหตุผลที่การรักษาเงินสดสำรองเกินขนาด แม้ว่าสิ่งนี้อาจถูกมองว่าเป็นการใช้เงินทุนอย่างไม่มีประสิทธิภาพ ก็เป็นนโยบายการประกันที่รอบคอบกว่า
การซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลที่เพิ่มขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ได้หนุนผลกำไรของ Coinbase โดยการแลกเปลี่ยนมีรายได้ 1,610 ล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาสที่สองของปีนี้ เทียบกับ 32 ล้านเหรียญสหรัฐในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
และผลกำไรที่เพิ่มขึ้นอย่างมากสำหรับ Coinbase นั้นทำหน้าที่เป็นเครื่องเตือนใจว่าโชคชะตาสำหรับบริษัทที่ใช้พื้นที่คริปโตเคอเรนซีสามารถเปลี่ยนแปลงได้เร็วเพียงใด
Coinbase เริ่มมีความเข้าใจมากขึ้น โดยใช้ประโยชน์จากทั้งการเพิ่มความสนใจใน cryptocurrencies กับฉากหลังของอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงเพื่อเพิ่มอีก 1,400 ล้านเหรียญสหรัฐโดยการขายหนี้สิน
โดย Gary Gensler ประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ (SEC) กล่าวในเดือนนี้ว่าเขาตั้งใจที่จะควบคุมการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลและแพลตฟอร์มการให้ยืมเงินในขอบเขตสูงสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ Coinbase อยู่ในตำแหน่งที่ไม่เหมือนใครในการขับเคลื่อนคลื่นของข้อบังคับดังเช่นที่มีตั้งแต่วันแรก
ขณะเดียวกัน Coinbase เลือกที่จะทำงานร่วมกับหน่วยงานกำกับดูแล โดยเลือกการปฏิบัติตามกฎระเบียบในเชิงรุกเพื่อการเติบโต ซึ่งแตกต่างจากการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิตอลอื่น ๆ เช่น Binance ซึ่งเลือกที่จะรวบรวม ethos ที่กระจายอำนาจและควบคุมแบบไลต์ ซึ่งช่วยในการเติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง
และแนวทางดังกล่าวของ Coinbase อาจได้รับการพิสูจน์ในท้ายที่สุดว่า Binance เร่งรีบเพื่อให้สอดคล้องกับกฎระเบียบในเขตอำนาจศาลให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
