fbpx
Skip to content Skip to footer

ทำไมต้องใช้ Cryptocurrency ในเมื่อมี Digital Currency อยู่แล้ว : SCN talk EP3

Cryptocurrency กำลังเป็นทางเลือกใหม่ในการชำระเงินในยุคหลังจากนี้ด้วยคุณสมบัติที่ Digital Currency ไม่สามารถทำงานได้โดยเฉพาะเรื่องของมูลค่าที่มีแนวโน้มเติบโตขึ้น

การแพร่ระบาดของไวรัสโควิดทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสำคัญในเกือบทุกอุตสาหกรรม โดยเฉพาะการเป็นตัวเร่งให้เกิดการทรานสฟอร์เมชั่นที่เร็วขึ้นรวมถึงธุรกิจการเงินที่กำลังเร่งให้เข้าสู่สังคมไร้เงินสดที่เร็วขึ้น 

 Development Bank of Singapore หรือ DBS ธนาคารใหญ่ที่สุดในอาเซียน ให้ข้อมูลว่าปริมาณธุรกรรม digital payment ในช่วงการระบาดของไวรัสโควิด19เพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าในไตรมาสแรกของปี 2563 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการเปลี่ยนแปลงนี้จะเกิดต่อไปแม้ไวรัสโควิด19จะหายไปจากโลกนี้แล้วก็ตาม

 ข้อมูลการชำระเงินในเดือนมีนาคม 2563 แสดงให้เห็นชัดเจนว่า เมื่อเทียบกับปีก่อนจำนวนการใช้ digital payment เพิ่มขึ้นกว่า 40% โดย internet/mobile banking เติบโตมากที่สุดถึงราว 70% และมีการสมัครบัญชีใหม่เพิ่มขึ้นถึง 3.2 ล้านบัญชีจากสิ้นปี 2562 

 สำหรับประเทศไทยซึ่งมีบริการ พร้อมเพย์ ปัจจุบันผู้ลงทะเบียนด้วยบัตรประชาชนมีจำนวนเกือบครึ่งหนึ่งของประชากรไทยทั้งประเทศ ส่วนยอดการใช้พร้อมเพย์ต่อวันก็ทำสถิติสูงสุดต่อเนื่อง สูงถึง 15.3 ล้านรายการต่อวัน 

 สะท้อนถึงการใช้งานเพื่อจับจ่ายใช้สอยในชีวิตประจำวันมีมากขึ้น สวนทางกับการใช้เงินสดที่ลดลงซึ่งดูได้จากการถอนเงินสดที่หดตัวมากกว่าค่าเฉลี่ยในปีที่ผ่านมาถึง 10% ตัวเลขที่กล่าวมาชัดเจนว่าพฤติกรรมผู้บริโภคจะหันมาทำธุรกรรมการเงินบนออนไลน์มากขึ้น

 ปัจจุบันอัตราการใช้งาน Digital Money จะมีการเติบโตขึ้นทั่วโลกอยู่แล้ว แต่หลังจากนี้Cryptcurrency อาจเป็นทางเลือกหนึ่งของการชำระเงินได้อีกเช่นกัน คำถามคือแล้ว สกุลเงินดิจิทัล มีอะไรที่ดีกว่าสกุลเงินปกติที่ทำธุรกรรมบนออนไลน์??

 ในแง่ของค่าธรรมเนียมและความเร็วในการทำธุรกรรมถือว่าสองสกุลเงินไม่มีความแตกต่างกันถ้าหากใช้งานภายในประเทศ แต่สิ่งที่ Cryptocurrencyสามารถทำได้ดีกว่าก็คือการที่มี Smart Contract ซึ่งทำงานบน บล็อกเชน ทำให้ผู้ประกอบการสามารถคิดลูกเล่นทางการตลาดต่างๆเข้ามาให้กับผู้ใช้งานได้

 เช่นแบรนด์ A สามารถสร้างโทเคนของตัวเองขึ้น โดยผู้ที่ใช้จ่ายสินค้าและบริการด้วย Cryptocurrency จะได้รับ Reward เป็นโทเคน A ที่นำไปใช้เป็นส่วนลดในการใช้จ่ายครั้งต่อไปหรือนำไปใช้แลกสิทธิพิเศษต่างๆ

 ขณะเดียวกัน Reward ที่ได้จากการใช้จ่ายด้วยCryptocurrency ยังสามารถนำไปใช้จ่ายได้จริงอีกต่อด้วย ต่างจาก Reward ในรูปแบบ Virtual ที่ได้จากแพลตฟอร์มต่างๆซึ่งสามารถนำไปใช้แลกสินค้าและบริการได้เฉพาะสิ่งที่อยู่ภายใต้แพลตฟอร์มนั้นเท่านั้น (ตัวอย่างเช่น Coin ในแอปพลิเคชั่น Line ที่ใช้แลกได้เฉพาะสติกเกอร์)

 แต่หากเป็น Reward ในรูปแบบของ โทเคนดิจิทัล จะมีคุณสมบัติในการใช้แทนเงินได้ซึ่งเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับผู้ใช้งานที่อาจเคยมีประสบการณ์เก็บสะสม Reward จากแบรนด์ต่างๆแต่ไม่เคยนำไปใช้เลยก็จะสามารถนำไปใช้แทนเงินได้ด้วยการแลกกลับเป็นสกุลเงินดิจิทัลอื่นหรือเป็น Digital Money 

 ที่สำคัญคือหากมองว่า Cryptocurrency จะมีแนวโน้มที่มูลค่าจะเติบโตขึ้นในอนาคต การถือครองสกุลเงินดิจิทัลอย่าง บิทคอยน์ เอาไว้กับตัวบางส่วนเพื่อให้เงินในกระเป๋ามีมูลค่าเพิ่มขึ้นก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่ต้องการออมเงินระยะยาว

Leave a comment

เกี่ยวกับ NewsFirstLine

สื่อชั้นนำด้านบล็อกเชนและคริปโตในภูมิภาคเอเชีย นำเสนอข่าวสารด้านเทคโนโลยีและการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลอย่างรอบด้านและเจาะลึก ครอบคลุมทั้งภูมิภาคเอเชียเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะสิงคโปร์และประเทศไทย

สมัครรับข่าวสารจาก SCN