fbpx
Skip to content Skip to footer

ทายาทบริษัทยักษ์ใหญ่ซีพีเปิดตัว Lightnet ใช้บล็อกเชนโอนเงินระหว่างประเทศด้วย Stellar

Lightnet Stellar

Lightnet บริษัทฟินเทค ก่อตั้งโดย ชัชวาลย์ เจียรวนนท์ หนึ่งในสมาชิกครอบครัวของเครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP) บริษัทยักษ์ใหญ่ของไทยและตฤบดี อรุณานนท์ชัย อดีตนักการเงินและผู้ประกอบการสายเทคโนโลยี เปิดตัวLightnet อย่างเป็นทางการผ่านการระดมทุนในรอบ Series A มูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท นำโดยเครือบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง UOB Venture Management, Seven Bank, Uni-President Asset Holdings, HashKey Capital, Hopeshine Ventures, Signum Capital, Du Capital และ Hanwha Investment and Securities มุ่งเป้าสร้างระบบชำระเงินยุคใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน

ชัชวาลย์ เจียรวรานนท์ ประธานบริษัทของLightnet เปิดเผยว่าLightnet ก่อตั้งขึ้นเพื่อมาเป็นศูนย์กลางการชำระเงินแห่งใหม่เพื่อให้บริการทางการเงินที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย ต้นทุนต่ำ และรวดเร็วทันใจแก่ประชากรมากกว่า 4 พันล้านคนทั่วทั้งเอเชีย ผ่านเทคโนโลยี Blockchain บนเครือข่ายระบบปฏิบัติการจากอเมริกาในนาม Stellar Network ซึ่งเป็นนวัตกรรมด้านการจัดเก็บข้อมูลแบบกระจายศูนย์ที่จะมาเปลี่ยนโฉมโลกการเงินออนไลน์ในอนาคต

Lightnet ตั้งเป้าที่จะปฏิรูปตลาดการส่งเงินข้ามประเทศ (Cross-border Remittance Market) ที่มีมูลค่ากว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ ที่เริ่มต้นจากแรงงานข้ามชาติกว่า 11 ล้านคน ที่ยังไม่สามารถเข้าถึงระบบการเงินของธนาคาร ทำให้ต้องพึ่งพาการใช้ระบบการเงินแบบเก่าที่มีต้นทุนสูง ทั้งยังกระจัดกระจาย และล้าสมัยอย่าง SWIFT รวมถึงบริการที่อันตรายอย่างการเงินใต้ดิน

โดยตลาดแรงงานข้ามชาติส่วนใหญ่อยูในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งบริการเหล่านี้มีมูลค่าสูงถึง 150,000 ล้านดอลลาร์ นับว่าเป็นต้นทุนที่สิ้นเปลืองและรอการเปลี่ยนแปลงด้วยเทคโนโลยีที่ดีกว่าอย่าง Smart Contract และBlockchain

คุณตฤบดี อรุณานนท์ชัย ผู้ก่อตั้งและรองประธานบริษัท Lightnet กล่าวเสริมว่าLightnet ตั้งเป้าภายใน 3 ปี จะมีทำธุรกรรมการเงินได้มูลค่ากว่า 50,000 ล้านบาท จากเครือข่ายพันธมิตรของเรา นั่นคือเหตุผลที่เราเน้นย้ำยุทธศาสตร์สำคัญในการสร้าง Ecosystem แก่ตลาดท้องถิ่น ในการเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้บริการได้อย่างทั่วถึง

กลุ่มนักลงทุนชั้นนำของLigthnet นั้นนำโดย UOB Venture Management and Hanwha Investment and Securities ซึ่งเป็นเครือบริษัทที่ใหญ่และมีอิทธิพลที่สุดในสิงคโปร์และเกาหลีตามลำดับ รวมถึงบริษัท Seven Bank (TKO: 8410) จากกลุ่มบริษัท Seven & I Holdings ผู้เป็นเจ้าของแฟรนไชส์ 7-Eleven ทั้งหมดในญี่ปุ่นและร้านสะดวกซื้ออีกประมาณ 69,200 ร้านทั่วโลก, บริษัท Uni-President Asset Holdings บริษัทด้านลงทุนของ Uni-President Enterprises Corp., ผู้เป็นเจ้าของแฟรนไชส์ 7-Eleven และ Starbucks มากกว่า 9,000 สาขาในไต้หวัน จีน และฟิลิปปินส์ รวมถึงบริษัท Hashkey Capital บริษัทด้านลงทุนของเครือบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านยานยนต์และการเงินในจีนอย่าง WanXiang Group

คุณสุวิชชา สุดใจ CEO ของบริษัท Lightnetอธิบายเพิ่มเติมว่า นวัตกรรมของLightnet ประกอบไปด้วย 3 นวัตกรรมได้แก่ BridgeNet, LiquidNet และ SmartNet โดยตอนนี้โครงข่ายหลักของผลิตภัณฑ์นั้นได้เสร็จสมบูรณ์แล้ว และคาดว่าจะเปิดบริการ BridgeNet เป็นอันดับแรกในช่วงต้นปี 2563 นี้

ผู้ใช้บริการ Lightnetสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายกว่า 5 แสนรายจากเครือข่ายตัวแทนผู้ให้บริการ Lightnet ยังมีแผนที่จะเปิดตัวบนเครือข่ายพันธมิตร อีกหลายประเทศ อาทิ ประเทศญี่ปุ่น, ประเทศเกาหลีใต้ รวมถึงกลุ่มประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นระบบการโอนเงินข้ามประเทศและชำระเงินชั้นนำของโลก อย่าง MoneyGram, Seven Bank, Yeahka และ Ksher ภายในปี 2563 นี้

โดยการระดมทุนรอบนี้ยังทำให้ Lightnet เป็นบริษัทด้านบล็อกเชน หนึ่งเดียวในเอเชียที่ได้รับเงินทุนจากเครือบริษัทในกลุ่ม Fortune 500 มากถึง 2 บริษัท และเครือพันธมิตรนี้ยังเป็นช่องทางให้Lightnet เข้าถึงกลุ่มผู้ใช้ที่มีความต้องการบริการทางการเงินที่ดีกว่ามากกว่าหลายล้านคนทั่วภูมิภาคอีกด้วย

ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง : Ripple คาดธนาคารชั้นนำทั่วโลกอย่างน้อย 20 แห่ง จะถือครองและซื้อขายเงินดิจิตอลมากขึ้นในปี 2020

Leave a comment

เกี่ยวกับ NewsFirstLine

สื่อชั้นนำด้านบล็อกเชนและคริปโตในภูมิภาคเอเชีย นำเสนอข่าวสารด้านเทคโนโลยีและการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลอย่างรอบด้านและเจาะลึก ครอบคลุมทั้งภูมิภาคเอเชียเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะสิงคโปร์และประเทศไทย

สมัครรับข่าวสารจาก SCN