Paypal ผู้ให้บริการชำระเงินรายใหญ่ของโลกได้ประกาศอย่างเป็นทางการล่าสุดที่จะเข้ามาพัฒนาฟีเจอร์ชำระเงินด้วยคริปโต หลังตกเป็นข่าวลือมาก่อนหน้านี้จนทำให้ตลาดคริปโตคึกคักรับข่าวนี้
เนื่องจาก Payapl มีผู้ใช้งานอยู่ทั่วโลกซึ่งพร้อมที่จะเข้าถึงการใช้งานคริปโตได้อย่างรวดเร็ว โดยปี 2019 ที่ผ่านมามีวอลลุ่มการโอนเงินชำระเงินผ่านแพลตฟอร์มของบริษัทฯอยู่ที่ 712,000 ล้านดอลลาร์ เติบโตขึ้นจากปี 2018 ถึง 23% โดยจำนวนนี้เป็นการชำระเงินผ่านโมบายเพย์เมนท์ 227 ล้านดอลลาร์
ขณะที่ข้อมูลจาก Coingecko เวบไซต์ผู้รวบรวมข้อมูลและสถิติของตลาดคริปโตได้ให้ข้อมูลว่าวอลลุ่มหรือมูลค่าการซื้อขายรวมของตลาดคริปโตทั้งหมดของปี 2019 อยู่ที่ประมาณ 260,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่า Paypal ถึงเกือบสามเท่า
แน่นอนว่าเมื่อใดที่Paypalเปิดรับเงินคริปโตจะมีส่วนผลักดันให้เกิดวอลลุ่มการซื้อขายคริปโตเพิ่มขึ้นเนื่องจากเม็ดเงินใน Traditional Market บางส่วนอาจไหลเข้ามาในตลาดคริปโต เช่นเดียวกับคนส่วนใหญ่ที่ยังเข้าไม่ถึงคริปโตก็จะเกิด Mass Adoption ขึ้น
แต่เมื่อวัดจากวอลลุ่มที่ต่างกันเพียงสามเท่า ตลาดคริปโตจึงน่าจะได้รับผลประโยชน์แต่ไม่น่าจะถึงขั้นก้าวกระโดด อีกอย่างคือแม้ว่าราคาในตลาดคริปโตจะไม่ได้เติบโตมากนัก แต่มาร์เกตแคปและวอลลุ่มซื้อขายเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกปีในตัวเองอยู่แล้ว
ทว่าหากยักษ์ใหญ่ของโลกการชำระเงินอย่าง VISA และ Mastercard กระโดดเข้ามาในสนามนี้ด้วย นี่จะเป็นการหนุนตลาดคริปโตให้เติบโตแบบก้าวกระโดดอย่างแน่นอน
ข้อมูลระบุว่าปี 2019 ที่ผ่านมา VISA มียอดการชำระเงินผ่านระบบกว่า 8.8 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่ Mastercard มีวอลลุ่มใกล้เคียงกันในระดับ 6.5 ล้านล้านดอลลาร์ เมื่อสองรายรวมกันจะมีวอลลุ่มการชำระเงินกว่า 15.3 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งมากกว่าวอลลุ่มของตลาดคริปโตอย่างเทียบไม่ติด
หาก VISA และ Mastercard เข้าสู่สนามนี้จริงจะเป็นการกระตุ้นตลาดคริปโตอย่างมีนัยยะสำคัญอย่างแน่นอน เพราะหากสองรายนี้มีสัดส่วนของคริปโตเข้าไปเพียง 1% ของวอลลุ่มเดิมทั้งหมดก็เพียงพอที่จะทำให้ตลาดคริปโตเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดแน่นอน
หากวิเคราะห์ไปที่ท่าทีทางธุรกิจ ทั้ง Visa และ Mastercard ต่างเคยเป็นส่วนหนึ่งของสมาคม Libra ของ Facebook เช่นเดียวกับ Paypal ซึ่งต่อมาทั้งหมดได้ถอนตัวออกมา แต่ในที่สุดPaypalได้ออกมายอมรับว่าต้องการจะพัฒนาฟีเจอร์เกี่ยวกับคริปโตด้วยตัวเอง
จึงไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ที่ Visa และ Mastercard จะสร้างฟีเจอร์การชำระเงินด้วยคริปโตเองบ้าง หากดูสถานการณ์ของสกุลเงินดิจิทัลแห่งชาติ (CBDC) ที่เกิดขึ้นทั่วโลก แค่นี้ก็มีเหตุผลเพียงแล้วที่สองยักษ์ใหญ่นี้อาจซุ่มพัฒนาฟีเจอร์ที่รองรับ CBDC อยู่เพื่อไม่ให้พลาดกับรถไฟขบวนนี้
สกุลเงินดิจิทัลเริ่มเป็นที่ยอมรับและสนใจของสถาบันการเงินดั้งเดิมมากขึ้นทำให้ตลาดคริปโตเติบโตขึ้นได้ด้วยพื้นฐานที่เข้มแข็งและในที่สุดจะเกิด Mass Adoption อย่างรวดเร็ว
บทความอื่นที่เกี่ยวข้อง : เมื่อทองคำยังถูกปลอมแล้วทำไม “บิทคอยน์” จึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
