fbpx
Skip to content Skip to footer

STO (Securities Token) ควรจะเริ่มต้นอย่างไร

STO

ผมได้ตามโลกของ Cryptocurrency มานานและรู้สึกว่า STO หรือ Security Token จะมามีบทบาทในวงการการเงินของโลกแน่นอน ผมยังเป็นผู้วิเคราะห์ตราสารหนี้ต่างประเทศ และอยู่ต่างประเทศมานานมานานคิดว่า Debt Token ก็คือ วิวัฒนาการ ของตราสารหนี้ เทคโนโลยีที่อยู่ข้างหลังของ Debt Token คือบล็อกเชน 

วันนี้ผมพูดได้เลยว่า Security Token และ Debt Token จะเป็นของธรรมดาเป็นสิ่งที่เราจะต้องใช้มันแน่นอนเหมือนกับรถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังจะมาแทนรถยนต์น้ำมันในระยะเวลาอันใกล้

ทำไมต้องมี Security Token?

ผู้ลงทุนทั่วๆไป อาจจะคิดว่าทำไมต้องมีการ ประดิษฐ์หลักทรัพย์ที่มีอยู่แล้วในตลาด ความแตกต่างของหลักทรัพย์ที่มีอยู่แล้ว กับ Security Token มีดังนี้ เทคโนโลยี Crytographic สามารถทำให้การสร้างหลักทรัพย์ เป็นไปได้โดยไม่สามารถที่ใครโกงได้ ทั้งนี้ทำให้การออกหลักทรัพย์ สามารถทำให้หลักทรัพย์นั้นจำกัดจำนวน หลักทรัพย์ออกมาเพื่อทดแทนทรัพยากร ถ้าทรัพยากรมีจำกัด หลักทรัพย์ Token ก็สามารถที่จะราคาขึ้นได้นั่นคือ เป็นการเก็บมูลค่า ไว้ ใน Token นั้น

บล็อกเชน ทำให้เกิดการเปลี่ยนเจ้าของหลักทรัพย์ โดยไม่ผ่านตัวกลาง ทั้งยังสามารถที่จะโปรแกรมคำสั่งล่วงหน้าผ่าน Smart Contracts ซึ่งทำให้ประหยัด ค่าใช้จ่ายและทำให้การออกหลักทรัพย์มีประสิทธิภาพ

โดยรวมแล้วข้อดีกับข้อเสีย ของ Security Tokens เทียบกับหลักทรัพย์ทั่วไป มีดังนี้

ข้อดี

  1. สามารถที่จะลงทุนเท่าไรก็ได้ เมื่อเทียบกับหลักทรัพย์ทั่วไปซึ่งการลงทุนขั้นต่ำ จะสูง เช่น อสังหาริมทรัพย์ หรือ พันธบัตรต่างประเทศ
  2. เนื่องจากการลงทุนใน Token ลงทุนเท่าไหร่ก็ได้ ทำให้ นักลงทุนหลากหลาย ประเภทของนักลงทุน และ ที่อยู่ของนักลงทุน ก็จะหลากหลาย 
  3. Token สามารถซื้อขาย ผ่าน Exchange ทั่วโลก ทำให้ การซื้อขายมีสภาพคล่อง การที่สามารถซื้อขายในจำนวนเท่าไรก็ได้ ก็ทำให้ผู้ขายสามารถ ถ้าผู้ ซื้อได้ง่าย
  4. Token เป็นการลงทุน ที่ไม่มีพรมแดน เพราะฉะนั้น สภาพคล่องของการซื้อขายใช้ง่ายขึ้นเยอะ

ข้อเสีย

  1. Cybertheft สามารถ Hack ไปขโมย Token ได้ แต่เรื่องนี้ก็เหมือนกับ การ Hack เข้าไปในบัญชีธนาคารของคุณ ที่จริง Blockchain นี้ Hack ไม่ได้ แต่ที่ถูก Hack คือ Wallet  ฉะนั้น การแก้ปัญหาก็คือการใช้ Physical Wallet.
  2. ข้อบังคับ และกฎหมาย ของ Security tokens กำลังมีการพัฒนา ฉะนั้น ขอบคุณครับและกฎหมาย อาจจะยังไม่รัดกุม เพราะฉะนั้นนักลงทุนจะต้องทำการบ้าน ด้วยตัวเอง เช่นต้องเลือก ประเทศ และ STO advisors ที่มีการ รับรองหรือมีประสบการณ์
  3. นักลงทุนสถาบันยังไม่เข้ามา ในวงการ Token อาจจะยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักมาก และสถาบันการเงินใหญ่ก็ยังไม่ค่อยลงมามาก แต่จริงๆแล้ว สถาบัน ระดับกลางลงมาเยอะ สถาบันระดับใหญ่มักจะรอจนกระทั่งมั่นใจ ฉะนั้น ผมคิดว่าเป็นเรื่องของเวลาเท่านั้น ที่สถาบันระดับใหญ่จะเข้ามาทำ Token

ทำไม STO ถึงยังไม่เติบโตสักที

จากข้อมูล ของ Coinschedule ระบุว่า STO ทั้งโลก มีมูลค่ารวมอยู่ที่ประมาณ 112 ล้านเหรียญสหรัฐ เทียบกับ ICO ที่มียอดเงินลงทุนที่ 10,000 เหรียญสหรัฐ ในปี 2018 แต่ปีที่แล้ว ICO มีมูลค่าการลงทุนเพียงแค่ 1,400 ล้านเหรียญสหรัฐ 

เหตุผล ที่ STO ยังไม่เติบโตเท่าที่ควรในสายตาผม คือ

  1. กฎหมายที่จะออกมารองรับยังไม่ชัดเจน
  2. ความเชื่อใน Digital assets ของนักลงทุนทั่วไปยังอยู่ในระดับน้อย
  3. กระบวนการ Tokenization ยังแพงเกินไป

การที่จะให้คนส่วนมากเข้ามาซื้อขาย Security tokens คนธรรมดาต้องสามารถที่จะเข้าใจ STO ได้ ง่าย ที่สำคัญคนธรรมดาต้อมีความมั่นใจและความเชื่อ ว่าการลงทุนของเขาจะไม่สูญเปล่า 

ผมคิดว่า STO ไม่สามารถและไม่ควรจะเป็น สิ่งต่อไปนี้

  1. Security Token ไม่ควร ที่จะแทนทรัพย์สิน ที่จัดการได้ยาก เช่นอสังหาริมทรัพย์ ที่อยู่ ไกลไป เล็กไป อสังหาริมทรัพย์ ในประเทศ ที่ REITS ยังไม่มี หรือ คนทั่วไปเข้าถึงได้ยาก น่าจะเป็นความคิดที่ดี ประเทศที่อสังหาริมทรัพย์ ที่คนธรรมดา ไม่สามารถซื้อได้ ง่าย เนื่องจากราคาสูงเกินไป เช่นสิงคโปร์ หรือ ฮ่องกง Token อาจจะสามารถ เข้ามา ช่วย ให้ คนธรรมดาลงทุนได้
  2. Security  Token เป็นไอเดียใหม่ แต่บางที อาจจะไม่จำเป็น เช่น การเอา Token มาแทน อสังหาริมทรัพย์ ที่มี REITS คล้ายๆกันอยู่แล้ว หรือ Token ที่แทน การเป็นหุ้นส่วนของบริษัทมหาชน
  3. Security token เป็นที่รวม ของ คนหรือบริษัทที่ไม่สามารถ ที่จะ Raise fund ตามธรรมดาได้
  4. Security token ไม่ควร จะเป็นแค่แฟชั่น ถึงแม้ว่าเทคโนโลยีมาไกล แต่ความต้องการของนักลงทุนเหมือนเดิมทุกอย่าง นักลงทุน ต้องการ การคุ้มครองของกฎหมายและข้อบังคับ สังคมของเราต้องสามารถที่จะทำให้หลักทรัพย์ไม่สามารถให้อาชญากรรม นำมาใช้ได้ บริหารกระบวนการ STO ต้อง เป็นคนที่เคยบริหารกระบวนการออกหลักทรัพย์ มาก่อน

ดังนั้น ผมคิดว่า Security token ยุคแรกน่าจะต้องเป็นหลักทรัพย์ประมาณนี้

  1. หนี้สินของบริษัทมหาชน ซึ่งทำให้คนธรรมดาสามารถเข้าถึง และสามารถลงทุนได้ในหนี้สินนั้นในจำนวนที่น้อยลง การให้ยืม และการ ได้ชำระเป็นเรื่องที่ธรรมดา และ ง่ายที่จะเข้าใจ
  2. หนี้สินเอกชน หรือ Private debt ซึ่ง โตเร็วมาก ในระยะเวลาสองสามปีนี้ การ ออก Token บน Private Debt ทำให้ นักลงทุนราย เล็ก สามารถ ได้ ผลตอบแทน ที่สูงขึ้น และทำให้ กองทุน Private Debt สามารถให้กูอีก
  3. สิ่งของมีค่าเช่น ทองคำ,เพชร และน้ำมัน โดยเฉพาะ ประเทศที่ตราสารประภท Futures หรือ ETFs ยังไม่สามารถเข้าถึงได้

STO ในประเทศไทย

ผมได้คุยกับ กลต.ไทย ไปหลายครั้งเกี่ยวกับประเด็นของ STO และคิดว่า กลต ของเรา ค่อนข้างจะ Proactive เทียบกับ ประเทศอื่น กลต. ได้ออกกฎข้อบังคับ ICO มาเมื่อปี 2018 ภายใต้พรก.สินทรัพย์ดิจิทัล แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีการระดมทุน ICO ภายใต้กฎหมายดังกล่าวออกมา

อย่างไรก็ตาม SE Digital กำลังจะออก token แทนอสังหาริมทรัพย์ ประมาณ 3000 ล้านบาท ซึ่ง หลายหลายท่าน ก็ คาดว่าจะออกตั้งแต่ปีที่แล้ว SE Digital ได้รับการสนับสนุนโดย บล ซิมิโก้ และ บริษัทอเมริกา ชื่อ Elevated Returns ซึ่งได้ออกไป ICO ที่อเมริกามาแล้ว. ตอนนี้มีบริษัทฮ่องกง ชื่อ Via East West Capital ที่ พยายามจะออก STO ที่อเมริกา จำนวน 50,000,000 เหรียญสหรัฐ มาในการลงทุน ใน Theme park ที่พัทยา. 

ผมคิดว่า กลต. น่าจะทำการบ้านอยู่พอสมควร ประเทศไทย เราอยู่ใน ศูนย์กลาง ของอาเซียน และผมคิดว่า มีความเป็นไปได้ที่ประเทศไทยเราจะเป็นศูนย์กลาง ในการออก STO ให้กับประเทศรอบข้างของเรา.

บทความที่เกี่ยวข้อง : ทำความรู้จัก Investment Token

——————————————

เกี่ยวกับผู้เขียน วรุตม์พรหมบุญ

หุ้นส่วนผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัยบริษัท Bondcritic ฮ่องกง ก่อนหน้านั้นคุณวรุตม์ เคยดำรงตำแหน่ง Chief Rating Officer ของ Dagong Hong Kong ซึ่งผลิตรายงานการวิจัยและจัดอันดับเครดิต เรตติ้ง และ ตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยพันธบัตรที่ Societe Generale และ ING รวมถึงหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์สินเชื่อ ที่ Standard Chartered Bank (Hong Kong) 

คุณวรุตม์เป็นวิทยากรด้านการลงทุนตราสารหนี้ในฐานะผู้ดำเนินรายการและเป็นผู้อภิปรายในงานสัมมนาระดับต่างประเทศ และเขายังเคยเป็นวิทยากรรับเชิญในหัวข้อการวิจัยสินเชื่อ และ ตราสารหนี้ที่ Hong Kong University of Science and Technology และ วิทยาลัย เทคโนโลยีจิตรลดา 

นอกจากนี้ เขาได้รับการจัดอันดับให้เป็นนักวิเคราะห์ตราสารหนี้ที่ดีที่สุดในเอเชียอันดับ 4 จากการสำรวจของนักลงทุนของ FinanceAsia ในปี 2008. คุณวรุตม์ ทำงาน ที่ อเมริกา, สิงคโปร์, ฮ่องกง, และ ประเทศไทย เป็นเวลา 10, 4, 10, และ 2 ปี.

Leave a comment

เกี่ยวกับ NewsFirstLine

สื่อชั้นนำด้านบล็อกเชนและคริปโตในภูมิภาคเอเชีย นำเสนอข่าวสารด้านเทคโนโลยีและการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลอย่างรอบด้านและเจาะลึก ครอบคลุมทั้งภูมิภาคเอเชียเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะสิงคโปร์และประเทศไทย

สมัครรับข่าวสารจาก SCN